ธุรกิจเชนร้านยาก็ไม่รอด 'วอลกรีนส์' ปิดสาขา 1,200 แห่งทั่วสหรัฐ
Walgreens ประกาศปิดสาขาครั้งใหญ่ทั่วสหรัฐ 1,200 แห่ง ไปจนถึงปี 2570 หลังคนประหยัด - เลือกซื้อทางออนไลน์มากขึ้น และการจ่ายยาโดยใบสั่งแพทย์ซบเซาลง
ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ธุรกิจเชนร้านยาชื่อดังในสหรัฐ "วอลกรีนส์ บูทส์ อัลไลแอนซ์" (Walgreens) ประกาศจะปิดสาขา 1,200 แห่งทั่วสหรัฐตลอด 3 ปีข้างหน้าไปจนถึงปี 2570 หลังจากเชนร้านยารายใหญ่แห่งนี้เผชิญการแข่งขันอย่างหนักจากร้านยาออนไลน์ และรายได้ของบริการจ่ายยาตามใบสั่งแพทย์ปรับตัวลดลง
ในปีหน้า 2568 บริษัทจะทยอยปิดสาขาลง 500 แห่ง และภายในปี 2570 วอลกรีนส์จะปิดสาขาหน้าร้านประมาณทุกๆ 1 ใน 7 แห่งลง
การประกาศปิดสาขาจำนวนมากในครั้งนี้ ถือเป็นสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นอย่างมาก จากเมื่อไม่กี่เดือนก่อน หลังบริษัทซึ่งกำลังประสบปัญหาทางการเงินเคยประกาศเมื่อเดือนมิ.ย.ว่า จะปิดสาขา 300 แห่งที่ทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพภายใต้การนำของ ทิม เวนท์เวิร์ธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ซึ่งเคยระบุในขณะนั้นว่า มีสาขาที่ไม่ทำกำไรอยู่ประมาณ 25% และบริษัทสัญญาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง "ในเร็วๆ นี้"
อย่างไรก็ดี ในไตรมาสที่แล้ววอลกรีนส์สามารถทำยอดขายได้สูงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ รายรับปรับตัวสูงขึ้น 6% เมื่อเทียบปีก่อน แต่บริษัทกลับขาดทุน 3 พันล้านดอลลาร์ จากการลดมูลค่าธุรกิจร้านยาจีน และธุรกิจบริการดูแลถึงบ้านแคร์ซิทริกซ์
นีล ซอนเดอร์ส กรรมการผู้จัดการและนักวิเคราะห์ด้านค้าปลีกจากบริษัทโกลบอลดาตา รีเทล กล่าวว่า การปิดสาขาล่าสุดนี้เป็นสัญญาณของบริษัทที่กำลังประสบปัญหาและกำลังพยายามแก้ไข
"วอลกรีนส์ใช้เวลาหลายปีในการสร้างธุรกิจผ่านการซื้อกิจการ และละเลยปัจจัยพื้นฐานของร้านค้า และการดำเนินงานค้าปลีก" นั่นทำให้สาขาร้านจำนวนมากตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยอดขายตกต่ำลง และไม่สามารถสร้างรายได้" ซอนเดอร์ส กล่าว
ด้านราคาหุ้นวอลกรีนส์ปรับตัวขึ้นทันที 4% ในช่วง pre-market แต่ตลอดทั้งปีมานี้ ราคาหุ้นร่วงไปแล้วถึงเกือบ 70%
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์