หุ้น ASML ดิ่งเหว 16% หนักสุดในรอบ 26 ปี ฉุดหุ้นชิปทั่วโลกร่วง 4.2 แสนล้านดอลล์
หุ้น ASML ดิ่งเหว 16% ฉุดมูลค่าตลาดบริษัทชิปทั่วโลกร่วง 4.2 แสนล้านดอลล์ หวั่นหั่นคาดการณ์รายได้ปีหน้าเยอะกว่าที่คาด สะท้อนความต้องการชิปทั่วโลกชะลอตัวลง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เกิดการเทขายหุ้นกลุ่มชิปทั่วโลกในวันนี้ (16 ต.ค.) โดยเมื่อรวมมูลค่าตลาดที่หายไปของบริษัทชิปในตลาดหุ้นสหรัฐ รวมกับบริษัทใหญ่ในเอเชียแล้ว คิดเป็นมูลค่าที่หายไปถึงกว่า 4.2 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 14 ล้านล้านบาท) จากความกังวลกรณีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง "เอเอสเอ็มแอล โฮลดิ้ง" (ASML Holding) ลดคาดการณ์ยอดขายในปีหน้าลงมาก จนฉุดหุ้นดิ่งลงเกือบ 16%
ทั้งนี้ ASML ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลกจากเนเธอร์แลนด์ ได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายในปี 2568 ลงอย่างมากเหลือ 3.0-3.5 หมื่นล้านยูโร จากคาดการณ์เดิมที่ 4 หมื่นล้านยูโร ซึ่งใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดของตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้
การหั่นคาดการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ตลาดวิตกว่าความต้องการชิปทั่วโลกกำลังจะชะลอตัวลง ส่งผลให้ราคาหุ้นของ ASML ปิดตลาดเมื่อวันที่ 15 ต.ค. ลดลงถึงเกือบ 16% และเป็นการดิ่งลงแรงสุดในรอบ 26 ปี นับตั้งแต่ปี 2541
อาทีฟ มาลิก นักวิเคราะห์จากธนาคารซิตี้กรุ๊ประบุว่า แม้ว่าตลาดจะคาดการณ์ล่วงหน้าถึงแนวโน้มปีหน้าที่จะอ่อนแรงลงอยู่แล้ว เนื่องจากความล่าช้าในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) รวมถึงการใช้จ่ายที่ลดลงของบริษัทอินเทล คอร์ป และปัจจัยอื่นๆ "แต่การที่ ASML ปรับลดลงมากถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ในเชิงลบ"
นักวิเคราะห์ในกลุ่มหุ้นชิปกล่าวว่า แนวโน้มที่อ่อนแอลงนี้อาจแสดงให้เห็นว่า โรงงานผลิตชิปบางแห่งมีกำลังการผลิตมากเกินไป โดยในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น โรงงานเหล่านี้ได้ซื้อเครื่องจักรจาก ASML ไว้เป็นจำนวนมาก
กรณี ASML ที่ฉุดตลาดหุ้นสหรัฐสั่นสะเทือนไปแล้วเมื่อคืนนี้ ยังส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเอเชียด้วย โดยหุ้นของบริษัทโตเกียว อิเล็กตรอน (Tokyo Electron) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่จากญี่ปุ่น ดิ่งลงถึง 10% ระหว่างการซื้อขายในตลาดหุ้นโตเกียวเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่หุ้นของบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเอร์ แมนูแฟกเจอริง (TSMC) บริษัทผลิตชิปเบอร์ 1 ของโลกจากไต้หวัน ลดลงถึง 3.3%
อย่างไรก็ดี นักลงทุนบางส่วนมองว่าปัญหาของ ASML อาจเกิดจากปัญหาเฉพาะเป็นการภายใน เพราะความต้องการเอไอยังคงคึกคัก และความพยายามของจีนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจก็ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ในวงกว้าง