เยลเลนเดือด! เตือนภาษีศุลกากรทรัมป์ทำลายเศรษฐกิจสหรัฐ

เยลเลนเดือด! เตือนภาษีศุลกากรทรัมป์ทำลายเศรษฐกิจสหรัฐ

"เจเน็ต เยลเลน" ออกโรงเตือน นโยบายตั้งกำแพงภาษีแบบหว่านแหจะส่งผลเสียต่อครัวเรือนและธุรกิจอเมริกัน แม้ "โดนัลด์ ทรัมป์" มองว่าเป็นการรักษาประโยชน์ให้ชาติ

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (18 ต.ค.) ว่า เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐเตือนว่าการใช้ “นโยบายตั้งกำแพงภาษี” แบบหว่านแหจะส่งผลเสียต่อครัวเรือนและธุรกิจอเมริกันรวมทั้งทำให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของสหรัฐลดลง

"การเรียกร้องให้ตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าไปยังสหรัฐจากประเทศพันธมิตรและศัตรูหรือการปฏิบัติต่อประเทศพันธมิตรเสมือนเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ (Friend-shoring) เป็นความคิดที่ผิดมาก"

 

บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า เยลเลนกล่าวถ้อยแถลงข้างต้นก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเพียงไม่ถึงสามสัปดาห์ ท่ามกลางสถานการณ์ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันสนับสนุนการขึ้นภาษีศุลกากรในฐานะ “เครื่องมือทางเศรษฐกิจสุดโปรด” และทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการนี้กับทั้งพันธมิตรดั้งเดิมของอเมริกาและศัตรู

ทรัมป์เรียกนโยบายการตั้งกำแพงภาษีว่าเป็น "คำศัพท์ที่สวยงามที่สุดในพจนานุกรม" ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กเมื่อต้นสัปดาห์นี้ พร้อมทั้งเดินหน้าประกาศนโยบายตั้งกำแพงภาษีอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งอ้างว่าหลายประเทศเช่น จีน เม็กซิโก ไปจนถึงฝรั่งเศสพยายามเอารัดเอาเปรียบอเมริกา

 

 

บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า หากทรัมป์และคณะทำงานชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พรรคฯ จะเสนอแนวคิดการเก็บภาษีศุลกากร 10% กับสินค้านำเข้าทั้งหมด และคาดว่าจะสร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ให้ประเทศ ซึ่งจะเข้าไปช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงการลดภาษีเพิ่มเติม

นักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักกล่าวว่า วาระทางการค้าของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการเรียกร้องให้เก็บภาษีสินค้าจีน 60% หรือมากกว่านั้น จะเทียบเท่ากับการขึ้นภาษีครัวเรือนในสหรัฐ

เยลเลนโต้กลับแนวคิดดังกล่าวว่า  "การขึ้นภาษีศุลกากรแบบหว่านแหและไม่เฉพาะเจาะจงจะทำให้ราคาสินค้าสำหรับครอบครัวชาวอเมริกันสูงขึ้นและทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐน้อยลง"

การกระตุ้นเศรษฐกิจของ สี จิ้นผิง

"เราไม่สามารถหวังที่จะส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของเรา เช่นการต่อต้านการรุกรานยูเครนอย่างผิดกฎหมายของรัสเซียหากเราแยกตัวโดดเดี่ยว" เยลเลนกล่าวเสริม

นอกจากนี้ เธอยังปกป้องแนวทางของรัฐบาลไบเดนที่มีต่อจีนซึ่งมุ่งเน้นการปกป้องและรักษาความมั่นคงของชาติ

"การค้าและการลงทุนกับจีนสามารถสร้างผลประโยชน์อย่างมากต่อบริษัทและแรงงานในสหรัฐซึ่งเราต้องรักษาไว้" เยลเลนกล่าว พร้อมทั้งเสริมว่าทั้งสองฝ่าย "ต้องมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ดีบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน"

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เธอกล่าวว่า "เรายังไม่เห็นมาตรการที่มีความหมายจริงๆ ผมคิดว่าเราต้องรอดูว่าสิ่งนี้จะส่งผลอย่างไรในอนาคต"

ความกังวลเกี่ยวกับจีน

เยลเลนย้ำว่าเศรษฐกิจจีนมีความผิดปกติและไม่สมดุลโดยมีอัตราการออม 40% และสัดส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่น้อยกว่าประเทศอื่นๆ อย่างมาก แม้ว่าจะมีฉันทามติทั่วโลกว่าปักกิ่งควรดำเนินการปฏิรูปเพื่อแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจและสังคมรวมทั้งเพิ่มสัดส่วนรายได้ของครัวเรือนในรายได้ประชาชาติ แต่ทั้งหมดไม่ใช่แนวทางที่สี จิ้นผิงสนับสนุน

"พวกเขาต้องกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค และไม่ใช่การคืนภาษีเพียงอย่างเดียว" เธอกล่าว "สิ่งที่เป็นความกังวลของเราคือสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคจีนโดยการตัดสินใจมุ่งเป้าไปที่บางภาคส่วนและให้เงินอุดหนุนการลงทุนจนถึงจุดที่เกินกำลังการผลิตทั่วโลก"