'ทิม คุก' โผล่เยือนจีนรอบ 2 ภายในปีเดียว จ่อดันบริการเอไอ Apple Intelligence

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า "ทิม คุก" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ "แอปเปิ้ล อิงค์" (Apple) ได้เดินทางเยือนประเทศจีนเป็นครั้งที่สองของปีในสัปดาห์นี้ โดยได้ร่วมประชุมกับ จิน จวงหลง รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ได้เดินทางไปดูงานที่ต่างๆ และส่งสัญญาณตอกย้ำอีกครั้งถึงบเทบาทความสำคัญของตลาดจีนต่อแอปเปิ้ล

รายงานอ้างโพสต์ของกระทรวงฯ ในแพลตฟอร์มโซเชียลวีแชทว่า ซีอีโอของแอปเปิ้ลได้กล่าวกับรัฐมนตรีของจีนว่า แอปเปิ้ลจะยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในจีนต่อไป และช่วยในการพัฒนาห่วงโซ่ซัพพลายเชนคุณภาพสูง

ขณะที่รัฐมนตรีของจีนเรียกร้องให้แอปเปิ้ลยังคงเดินหน้าลงทุนด้านนวัตกรรมในจีนต่อไป และมีการพูดคุยกันเรื่องธุรกิจของแอปเปิ้ลในจีนซึ่งรวมถึงบริการคลาวด์และการจัดการความปลอดภัยของข้อมูลออนไลน์ แต่ไม่ได้มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติม

ทั้งนี้ จีนซึ่งเป็นตลาดสมาร์ตโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของแอปเปิ้ลนอกสหรัฐ โดยข้อมูลจากเคาท์เตอร์พอยท์ รีเสิร์ชระบุว่า จีนมียอดขาย iPhone16 รุ่นล่าสุดสูงถึง 20% ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของการวางจำหน่าย เมื่อเทียบกับไอโฟนรุ่นปีที่แล้ว และทำให้นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลลง หลังจากที่สถานการณ์ยอดขายของแอปเปิ้ลในตลาดจีนทรุดตัวลงก่อนหน้านี้ 

ทิม คุก ยังได้เปิดเผยกับสำนักข่าวท้องถิ่นในจีน Jiemian ในวันนี้ว่า แอปเปิ้ลกำลังดำเนินการเพื่อนำเสนอบริการปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Apple Intelligence ให้กับลูกค้าชาวจีนโดยเร็วที่สุด แต่บริษัทก็ยังจำเป็นต้องดำเนินการตามกระบวนการกำกับดูแลที่ครอบคลุมก่อน 

ปัจจุบัน แอปเปิ้ลยังไม่มีพันธมิตรสำหรับการให้บริการเอไอในจีน หลังจากที่ได้ลงนามข้อตกลงครั้งสำคัญกับบริษัท "โอเพนเอไอ" เพื่อนำ ChatGPT มาใช้ในไอโฟนรุ่นล่าสุด แม้ว่าไอโฟนรุ่นที่มีเอไอจะไม่ได้ถูกวางจำหน่ายในจีนก็ตาม

ทั้งนี้ หน่วยงานกำกับดูแลของจีนกำหนดให้บริษัทต่างๆ จะต้องได้รับการอนุมัติก่อนจึงจะเปิดให้บริการ Generative AI ในจีนได้ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีสตาร์ตอัปรายใหญ่จากสหรัฐรายใดเลย ที่ได้รับการอนุมัติจากปักกิ่ง เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่เอไอได้กลายเป็นสนามรบสำคัญสำหรับสองเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐและจีนไปแล้ว 

บลูมเบิร์กระบุว่า แอปเปิ้ลอาจหันไปหาพันธมิตรในจีนอย่าง "Alibaba Group Holding Ltd." และ" Baidu Inc." เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเอไอที่อาจเกิดขึ้นในประเทศจีน