'แฮร์ริส' ลั่น สหรัฐพร้อมแล้วที่จะมีประธานาธิบดีหญิง
คามาลา แฮร์ริส ลั่น อเมริกา “พร้อมแน่นอน” ที่จะเลือกประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศ ส่วนการลงเลือกตั้งของเธอแค่ต้องการเปลี่ยนแปลงชาติที่กำลังเหนื่อยล้าเพราะ “โดนัลด์ ทรัมป์” เท่านั้น
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงาน อีกสองสัปดาห์จะถึงวันเลือกตั้ง ทั้งแฮร์ริส และทรัมป์ ต่างทุ่มเทหาเสียงในสวิงสเตต รุกออกรายการโทรทัศน์ พอดแคสต์ เพื่อชิงความได้เปรียบในช่วงที่ผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า ทั้งสองมีคะแนนสูสี
เมื่อวันอังคาร (22 ต.ค.67) แฮร์ริส ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี เจอคำถามว่า อเมริกาพร้อมจะเลือกประธานาธิบดีหญิงคนแรกหรือยัง
“พร้อมแน่นอนค่ะ” และว่าการที่เธอลงเลือกตั้งก็เพื่อเปลี่ยนแปลง
“ประชาชนกำลังเหนื่อยหน่ายกับโดนัลด์ ทรัมป์ และแนวทางของเขา เพราะมีแต่เรื่องของตัวเขาเอง” แฮร์ริส กล่าว
ส่วนทรัมป์ พบผู้สนับสนุนในนอร์ทแคโรไลนา หาเสียงแตกต่างจากที่แฮร์ริสกล่าวอย่างมาก
“การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกว่าเราจะมีความไร้ประสิทธิภาพ ความล้มเหลว และหายนะไปอีกสี่ปี หรือเราจะเริ่มสี่ปีอันยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์ของชาติ” ทรัมป์กล่าวท่ามกลางเสียงเชียร์ล้นหลาม
การแข่งขันถูกบดบังด้วยความตึงเครียดมากเป็นพิเศษ และความกลัวว่าจะเกิดความรุนแรงหรือทรัมป์ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากเขาพ่ายแพ้ อย่างที่เขาเคยทำตอนแพ้โจ ไบเดน ในปี 2022 ซึ่งแฮร์ริส กล่าวกับเอ็นบีซีว่า เธอพร้อม “แน่นอน” หากทรัมป์ชิงประกาศชัยชนะระหว่างกระบวนการนับคะแนนซึ่งต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะแล้วเสร็จ
สำหรับไบเดนที่ไม่ค่อยมาหาเสียงให้แฮร์ริสบ่อยนัก กล่าวถึงทรัมป์ในวันอังคารขณะไปเยือนรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ใช้คำที่ทรัมป์เคยพูดต่อต้านฮิลลารี คลินตันว่า “ล็อกเธอไว้” โดยไบเดนกล่าวกับฝูงชนกลุ่มเล็กๆ ว่า “เราต้องล็อกทรัมป์เอาไว้” ก่อนกล่าวเสริมอย่างรวดเร็ว “ล็อกเขาไว้ทางการเมือง”
เนื่องจากทรัมป์มีคดีอาญามากมายรออยู่ระหว่างลงเลือกตั้งประธานาธิบดีแข่งกับแฮร์ริส ทำเนียบขาวจึงต้องระมัดระวังไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับปัญหาทางกฎหมายของทรัมป์ แต่ทรัมป์ตอบโต้ว่า ไบเดนกับแฮร์ริส “วางแผนมายาวนานเพื่อดำเนินคดีกับคู่แข่งทางการเมือง”
ขณะนี้ชาวอเมริกันราว 18 ล้านคน ลงคะแนนเรียบร้อยแล้วทั้งทางไปรษณีย์หรือลงคะแนนด้วยตนเอง คิดเป็นกว่า 10% ของยอดรวมปี 2020
โพลบางสำนักดูเหมือนว่าทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันวัย 78 ปี ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคใหญ่ผู้ชราที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ มีคะแนนนำอยู่เล็กน้อยแต่ไม่เกินพิสัยความผิดพลาด
แต่ไม่ว่าผลเช่นไร โหวตเตอร์ชาวอเมริกันจะได้สร้างประวัติศาสตร์ในวันที่ 5 พ.ย.67 อย่างแน่นอนว่าพวกเขาจะเลือกประธานาธิบดีหญิงคนแรก หรือจะเลือกผู้ต้องคดีอาญาคนแรกเข้าไปนั่งในทำเนียบขาว
สำหรับแฮร์ริส วัย 60 ปี เธอได้สองบุคคลสำคัญที่สุดของพรรคทั้งอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา และมิเชล ภริยา มาช่วยหาเสียงที่เมดิสัน โอบามา โจมตีทรัมป์อย่างรุนแรง ส่วนที่ดีทรอยต์โอบามาได้แรปเปอร์ดังเอมิเนมมาช่วยเปิดตัว เรียกได้ว่าทีมแฮร์ริสใช้กระแสคนดังมาหนุนด้วยอีกทางหนึ่ง
ขณะที่ทรัมป์เพิ่มวาทกรรมเรื่องทฤษฎีสมคบคิด พุ่งเป้าโจมตีผู้อพยพและคู่แข่งทางการเมือง ทีมแฮร์ริสก็เริ่มเล่นงานความพร้อมทั้งด้านร่างกาย และจิตใจของทรัมป์ที่จะเป็นประธานาธิบดี พร้อมๆ กับพยายามดึงเสียงสมาชิกพรรครีพับลิกันสายกลาง
จอห์น เคลลี อดีตนายพลนาวิกโยธิน หนึ่งในผู้ช่วยคนสำคัญของทรัมป์สมัยเป็นประธานาธิบดี ยืนยันเมื่อวันอังคาร ตามรายงานข่าวที่นิวยอร์กไทมส์ รายงานไปก่อนหน้านี้เขามองว่าทรัมป์เป็นพวกฟาสซิสต์
“แน่นอน อดีตประธานาธิบดีเข้าข่ายขวาจัด เขาเป็นเผด็จการแน่นอน เขาเคยบอกว่าชื่นชอบคนที่เป็นเผด็จการ ดังนั้นเขาจึงตรงกับนิยามของพวกฟาสซิสต์อย่างแน่นอนที่สุด”
โจ โรแกน เจ้าของรายการพอดแคสต์ที่มีคนฟังมากที่สุดรายหนึ่งในสหรัฐกล่าวว่า การสัมภาษณ์ทรัมป์จะออกอากาศในวันศุกร์ (25 ต.ค.67)
ในช่วงที่การแข่งขันดุเดือดเช่นนี้สื่อใหม่ เช่น พอดแคสต์กำลังมีบทบาทสำคัญในการหาเสียงพุ่งเป้าผู้ฟังเฉพาะกลุ่ม เช่น หญิงสาว ชายผิวดำ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์