ซีอีโอฮุนได ลั่น ไม่กังวลนโยบายอีวีสหรัฐ ไม่ว่าแฮร์ริสหรือทรัมป์ชนะเลือกตั้ง
ชาง แจฮุน ซีอีโอฮุนไดมอเตอร์ ยืนยัน บริษัทจะส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับลูกค้าในสหรัฐต่อไป แม้ไม่ได้เงินอุดหนุนจากรัฐบาล และแสดงให้เห็นถึงกลุยทธ์ของบริษัทที่จะไม่ยอมได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลวอชิงตัน หลังศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสัปดาห์หน้า
นิกเกอิเอเชียรายงานว่า ธุรกิจเกาหลีใต้หลายรายกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจสหรัฐ หลังการเลือกตั้งสหรัฐประธานาธิบดีในเดือนหน้า โดยเฉพาะผลกระทบจากกฎหมาย Inflation Reduction Act (IRA) ของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่สามารถดึงดูดเงินลงทุนหลานพันล้านดอลลาร์จากบริษัทเกาหลีใต้ รวมถึงฮุนไดได้
ชาง แจฮุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ฮุนไดมอเตอร์ ให้สัมภาษณ์กับนิกเกอิเอเชียในงาน Global Management Dialogue “ไม่ว่าใครจะชนะ เราเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆแล้ว เราควรมีขีดความสามารถในการแข่งขันของเราเอง ไม่ใช่พึ่งพาเงินอุดหนุน” และว่า “เงินอุดหนุนเป็นสิ่งชั่วคราวอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ นโยบายของรัฐบาลไบเดนคือ การให้เงินอุดหนุน 7,500 ดอลลาร์ (ราว 254,000 บาท) แก่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในสหรัฐภายใต้กฎหมาย IRA ซึ่งมีบริษัทผลิตรถยนต์หลายบริษัท รวมถึงฮุนได ได้ก่อตั้งโรงงานผลิตในสหรัฐแล้ว
แม้รองปธน.คามาลา แฮร์ริส แคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตสนับสนุนนโยบาย IRA ของปธน.ไบเดน แต่โดนัลด์ ทรัมป์ แคนดิเดตจากพรรครีพับลิกันบอกว่าจะยกเลิกนโยบายดังกล่าว
ชางบอกว่า ฮุนไดจะผลิตอีวีที่มีแบตเตอรี่ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ด้วยการเพิ่มความหนาแน่นด้วยวัสดุที่มีคุณภาพรวมถึงมีนิกเกิลสูง บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาระบบการจัดการแบตเตอรี่ให้ดีขึ้น และทำให้รถอีวีน้ำหนักเบาลงเพื่อสามารถนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพที่ดีกว่า
“ผมคิดว่าเทคโนโลยีคือทิศทางที่ถูกต้อง ไม่ว่าใครจะชนะก็ตาม” ชาง กล่าว
ทั้งนี้ ตลาดสหรัฐคือตลาดที่ใหญ่ที่สุดของฮุนได ในไตรมาสสามบริษัทสามารถจำหน่ายรถยนต์ได้ 300,000 คันในอเมริกาเหนือ คิดเป็น 29.6% ของยอดขายทั่วโลก เพิ่มขึ้นจาก 26.3% ในไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน
แต่รถอีวีฮุนไดจำหน่ายได้ลดลง 7.6% สู่ระดับ 61,000 คันในช่วงก.ค.-ก.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี และในทางกลับกันรถยนต์รุ่นไฮบริดกลับมียอดจำหน่ายพุ่งสูง 43.9% สู่ระดับ 131,000 คัน ในช่วงเวลาเดียวกัน และชางบอกว่าบริษัทจะนำเสนอรถรุ่นไฮบริดเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า
อ้างอิง: Nikkei Asia