อิสราเอลกับการโจมตีเพื่อปิดเฟสของความขัดแย้ง
ท่ามกลางความวิตกของโลกที่ความขัดแย้งรอบนี้ในตะวันออกกลางไม่เพียงแต่ยืดเยื้อมาครบปี อิสราเอลยังเปิดปฏิบัติการในเลบานอนอย่างโจ๋งครึ่ม โดยไม่ฟังการทักท้วงของใคร
แล้วความอกสั่นขวัญแขวนก็พุ่งถึงขีดสุด เมื่อเครื่องบินอิสราเอลกล้าบุกถึงอิหร่านเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว มีการโจมตีเป้าหมายทางทหารจำนวนมาก จนทำให้ผู้มองในแง่ลบจำนวนมากคาดการณ์ว่า ตะวันออกกลางคงจะกลายเป็นสมรภูมิรบอันดุเดือดของยักษ์ใหญ่เปอร์เซียนกับยักษ์เล็กเซไมท์เป็นแน่
และคงนำมาซึ่งความความปั่นป่วนวุ่นวายกระทบต่อทั้งโลก แต่บทความนี้อยากประเมินว่าสิ่งที่อิสราเอลทำนั้นถูกต้องตามหลักยุทธศาสตร์แล้ว และการที่อิหร่านไม่กล้าที่จะตอบโต้ จำต้องยอมกลืนเลือดนั้นก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลเช่นกัน
หากไม่มีการโจมตีอิหร่านตรงหน้าเสียบ้าง สถานการณ์ก็จะยืดเยื้ออยู่ต่อไป ไม่เป็นผลดีต่ออิสราเอลที่กำลังขยายแนวรบไปทางเหนือ ขณะทีความไม่สงบในกาซายังไม่สะเด็ดน้ำและเวสต์แบงก์ก็เริ่มคุกรุ่นขึ้นมา
นี่ยังไม่รวมถึงการป้องกันทางด้านทะเลแดงที่ต้องให้สหรัฐ ฯ และพันธมิตรช่วยรับมือกับกลุ่มฮูตี ดังนั้น รัฐบาลเทลอาวีฟจึงต้องปรับโหมดความขัดแย้งให้ผ่อนคลายลงจนถึงระดับก่อนตุลาปีกลายให้ได้โดยเร็ว
หนทางที่เหมาะสมที่สุดในสายตาของ Benjamin Netanyahu และพรรคพวกนั้นไม่ใช่การอ่อนข้อแลกตัวประกัน เจรจาหยุดยิงหรือถอนทหาร เพราะนั่นเป็นเพียงการรอเวลาให้ข้าศึกฟื้นตัว สิ่งที่ทำมาก็จะเสียเปล่า พวกเขาจึงเลือกทำให้ปากกระบอกปืนของศัตรูเงียบเสียงจากการถูกทำลาย
อิสราเอลประเมินแล้วว่า ตนสามารถบรรลุความต้องการทางยุทธศาสตร์นั้นได้ เพราะกองทัพมีขีดความสามารถสูงด้านยุทธการและการข่าวอย่างมาก ชนิดที่ว่านึกไม่ออกว่ายังมีชาติไหนในโลกที่จะทำเช่นนั้นอย่างเป็นรูปธรรมได้จริง
ในเวลาอันสั้น ไม่กี่เดือนมานี้ฝ่ายข่าวกรองสามารถส่งมอบเป้าหมายอย่างแม่นยำให้ฝ่ายปฏิบัติการถล่มโจมตีอย่างสัมฤทธิ์ผล แกนนำระดับหัวแถวทั้งฮามาสและเฮซบุลเลาะห์ล้มตายลงเกือบหมด
แม้ว่าจะมีผู้นำแถวสองแถวสามก้าวขึ้นมาแทน แต่องค์กรเหล่านี้คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นฟูตนเองได้ถึงระดับก่อนตุลา 66 การกวาดล้างคลังอาวุธของฝ่ายตรงข้ามก็ประสบความสำเร็จสูง
ยอมโดนด่าเรื่องโจมตีเป้าหมายพลเรือนที่มีอาวุธซุกซ่อนอยู่ แลกกับจรวดที่ยิงเข้ามายังแผ่นดินของตนน้อยลง ๆ นั้นฝ่ายการเมืองการทหารอิสราเอลคงมองว่าคุ้ม แต่ทุกอย่างจะไม่มั่นคงหากไม่ดับซ่ารัฐบาลเตหะรานเสียบ้าง
อิหร่านส่งมอบกำลังใจด้วยโวหาร และอาวุธจำนวนไม่น้อยให้แก่ Proxy ของตนช่วยรบแทนให้มานาน โดยไม่ต้องการปะทะตรงกับอิสราเอลที่อยู่ห่างออกไปพัน กม.
พวกเขาต้องการอำนาจและความนับถือจาก Proxy คุกคามฝ่ายตรงข้ามทั้งยิวและอาหรับ ขณะที่ตนเองฟูมฟักขีดความสามารถทางทหารให้พร้อมรบในสงครามที่อาจจะเกิดในอ่าวเปอร์เซียมากกว่าในทะเลแดง
หากไม่มีการจัดการส่งกำลังบำรุงจากอิหร่านไปยัง Proxy เหล่านี้ ตะวันออกกลางก็จะยังคงระส่ำระสายสร้างความกังวลแก่ทั้งสหรัฐ ฯ และอาหรับต่อไปด้วย
การโจมตีอิหร่านของอิสราเอลรอบนี้ ได้รับการประเมินจากกระทรวงกลาโหมยิวแล้วว่าอิหร่านไม่กล้าตอบโต้ หรืออย่างมากก็ตอบโต้ก็แค่เป็นพอเป็นพิธีเหมือนเคย
ไม่แน่ชัดว่าการโจมตีที่แม่นยำนั้น ทำลายโอกาสของการส่งมอบอาวุธจากอิหร่านไปยัง Proxy เท่าไหร่ แต่น่าจะทำลายความมั่นใจของระบอบและกองทัพอารยันไปไม่น้อย
พวกเขาน่าจะตระหนักแล้วว่า ไม่มีสถานที่ไหนปลอดภัยจากรัศมีจรวดของอิสราเอล ต้องซุ่มซ่อนรักษาตัวผู้นำและโครงการยุทโธปกรณ์ใหญ่ๆ ของตนให้ปลอดภัยจากอิสราเอลก่อนเป็นความจำเป็นเร่งด่วนแรก งานนี้หากอิหร่านสงบ Proxy ทั้งหลายก็จะเงียบตามไปด้วย
อิสราเอลกล้าทำเช่นนี้ก็ประเมินในระดับนานาชาติแล้วด้วยว่า ฝ่ายที่หนุนหลังตนก็ยังคงหนุนหลังอย่างเต็มเปี่ยม
สองพรรคใหญ่ของสหรัฐ ฯ อาจมีนโยบายกับรัสเซียและจีนที่แตกต่างกัน แต่กับอิสราเอลแล้วทั้งสองพรรคอยู่ข้างเดียวกับพวกเขาเสมอ
อีกทั้งยุคนี้ไม่ใช่ยุคเมื่อ 50 ปีก่อน ไม่มีรัฐชาติหน้าไหนที่จะรวมพลังกันโจมตีหวังให้รัฐยิวสลายไปได้อีกแล้ว ขาดขีดความสามารถทางทหารและยุทธศาสตร์กันทั้งนั้น เหลือแต่กลุ่มติดอาวุธที่ไม่ได้รับการรับรองจากนานาชาติเท่านั้น
แล้วจะเอาอะไรมาสู้ตนได้ ปัญหาปาเลสไตน์มีผู้แสดงความเห็นมากมายแต่ไม่มีฝ่ายใดในเอเชียตะวันตกเข้ามาบีบคั้นอิสราเอลอย่างจริงจัง ราวกับว่าอยู่ฝ่ายเสมอนอกกันทั้งนั้น
ความขัดแย้งระหว่างรัฐยิวกับโลกมุสลิมยังคงไม่หมดไปในอีกร้อยปี แต่คาดว่าความขัดแย้งรอบนี้จะค่อยๆ เงียบลง เพราะฝ่ายตรงข้ามอิสราเอลขาดการส่งกำลังบำรุงด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ ขีดความสามารถในการรบลดทอน ขวัญกำลังใจตกต่ำ
อาจมีการปะทะหรือก่อเหตุรุนแรงบ้างจากโลนวูล์ฟในที่ต่าง ๆ ทั่วโลก แต่อิสราเอลจะยังคุมสถานการณ์ไว้ได้ ส่วนอิหร่านนั้นต้องกลับไปทบทวนยุทธการของตนเสียใหม่
เงื่อนไขในอนาคตจะเป็นตัวกำหนดการกลับมาของความไม่สงบในตะวันออกกลางเฟสหน้าต่อไป