นิวยอร์กไทม์สเตือน อเมริกาเลือกทางที่อันตรายอย่างยิ่ง
นิวยอร์กไทมส์ สื่อทรงอิทธิพลสหรัฐเขียนบทบรรณาธิการเตือนคน อเมริกันว่า เลือกหนทางที่เสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง ด้วยการส่งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับเข้าครองอำนาจของประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกอีกครั้ง
บทบรรณาธิการนิวยอร์กไทม์สเปิดประเด็นว่า “ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกัน ได้เลือกที่จะส่งโดนัลด์ ทรัมป์กลับทำเนียบขาว ซึ่งทำให้ประเทศต้องดำเนินไปในเส้นทางที่ไม่มั่นคงและไม่มีใครสามารถคาดเดาได้”
นิวยอร์กไทมส์ได้ย้อนถึงประวัติศาสตร์ว่า ผู้ก่อตั้งประเทศนี้ตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอาจเลือกผู้นำเผด็จการในสักวันหนึ่ง และได้ร่างหลักประกันไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งรวมถึงอำนาจที่มอบให้กับฝ่ายอื่นอีกสองฝ่าย ของรัฐบาลที่ออกแบบมาเพื่อตรวจสอบประธานาธิบดีที่อาจจะบิดเบือนและละเมิดกฎหมายเพื่อสนองความต้องการของตนเอง และผู้ก่อตั้งประเทศยังบัญญัติหลักประกันสิทธิเสรีภาพชุดหนึ่ง ซึ่งสำคัญที่สุดคือการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญครั้งที่หนึ่ง เพื่อให้ประชาชนสามารถชุมนุม พูด และประท้วงคำพูดและการกระทำของผู้นำของตนได้
“ในอีกสี่ปีข้างหน้า ชาวอเมริกันต้องตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามต่อประเทศชาติและกฎหมายที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 จะประกาศออกมา และต้องเตรียมพร้อมที่จะใช้สิทธิของตนในการปกป้องประเทศชาติ ประชาชน กฎหมาย สถาบัน และ คุณค่าต่างๆ ที่ทำให้ประเทศชาติเข้มแข็ง”
นิวยอร์กไทมส์กล่าวถึงการเลือกตั้งว่า ไม่สามารถละเลยได้ว่าชาวอเมริกันหลายล้านคนลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครคนหนึ่ง แม้แต่ผู้สนับสนุนที่ใกล้ชิดที่สุดบางคนก็ยอมรับว่ามีข้อบกพร่องร้ายแรง โดยเชื่อมั่นว่าผู้สมัครคนดังกล่าวจะ เปลี่ยนแปลงและแก้ไขสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนของประเทศได้ เช่น ราคาสินค้าที่สูง การหลั่งไหลเข้าเมืองของผู้อพยพ พรมแดนทางใต้ที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ และนโยบายเศรษฐกิจที่ให้ประโยชน์กับคนในสังคมอย่างไม่เท่าเทียมกัน บางคนลงคะแนนเสียงเพราะไม่พอใจอย่างยิ่งต่อ สถานะปัจจุบัน การเมือง หรือสถานะของสถาบันต่างๆ ของอเมริกาโดยรวม
- เตือนฝ่ายบริหารทรัมป์อาจใช้อำนาจเกินขอบเขต
บทบรรณาธิการนิวยอร์กไทมส์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งเหล่านี้จะตัดสินใจอย่างไร ชาวอเมริกันทุกคนควรระมัดระวังการบริหารงานของทรัมป์ที่กำลังจะเข้ามา ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะให้ความสำคัญสูงสุดกับการรวบอำนาจที่ไร้การควบคุมและจะลงโทษผู้คนที่เขามองว่าเป็นศัตรู ซึ่งทรัมป์ได้ให้คำมั่นหลายครั้งว่าจะทำทั้งสองอย่าง ชาวอเมริกันทุกคนไม่ว่าจะสังกัดพรรคการเมืองใดหรือมีแนวคิดทางการเมืองใด ควรยึดมั่นในเสาหลักของประชาธิปไตยของชาติ ได้แก่ การตรวจสอบและถ่วงดุลตามรัฐธรรมนูญ อัยการและผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางที่มีความยุติธรรม ระบบการเลือกตั้งที่เป็นกลาง และสิทธิพลเมืองขั้นพื้นฐาน ควรได้รับการรักษาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกโจมตีทำลายที่เขาได้เริ่มดำเนินการแล้วและยังได้กล่าวว่าเขาจะยังคงทำต่อไป
“ณ จุดนี้ ไม่มีอะไรมาปิดบังตัวตนที่แท้จริงของโดนัลด์ ทรัมป์ และความตั้งใจของเขาในการบริหารประเทศได้อีกต่อไป เขาแสดงให้เราเห็นในวาระแรกของเขาและในช่วงหลายปีหลัง จากที่เขาออกจากตำแหน่งว่าเขาไม่มีความเคารพต่อ กฎหมาย ไม่ต้องพูดถึงค่านิยม บรรทัดฐาน และประเพณีของประชาธิปไตย ในขณะที่เขารับตำแหน่งประธานาธิบดีของรัฐที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก” นิวยอร์กไทมส์ย้ำและชี้ว่า “เขามีแรงจูงใจอย่างชัดเจนเพียงเพื่อการแสวงหาอำนาจและการ รักษาลัทธิบูชาบุคคลซึ่งสร้างขึ้นรอบตัวเขาเอง”
นิวยอร์กไทมส์ ยืนยันว่า การประเมินทรัมป์ที่ชัดเจนตรงไปตรงมาเหล่านี้ ไม่เพียงแต่โดยคนที่วิพากษ์วิจารณ์เขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดเขามากที่สุดด้วย
“เราเป็นชาติที่ผ่านพ้นช่วงวิกฤติมาได้เสมอด้วยอุดมคติที่ยังมั่นคงและมักจะแข็งแกร่งและเฉียบคมขึ้น สถาบันของรัฐบาล ของเราซึ่งแข็งแกร่งจากการโต้เถียง ความวุ่นวาย เหตุการณ์การลอบสังหาร และสงครามมาเกือบ 250 ปี ยังคงยืนหยัด อย่างมั่นคงแม้นายทรัมป์พยามทำลายเมื่อสี่ปีที่แล้ว” นิวยอร์กไทมส์กล่าว และระบุต่อไปว่า
“ชาวอเมริกันรู้จักวิธีที่จะต่อต้านสัญชาตญาณที่เลวร้ายที่สุดของนายทรัมป์ การกระทำที่ไม่ยุติธรรม ผิดศีลธรรม หรือผิดกฎหมาย เนื่องจากพวกเขากระทำเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงการบริหารครั้งแรกของเขา ข้าราชการ สมาชิกรัฐสภา สมาชิกพรรคของเขาเอง และบุคคลที่เขาแต่งตั้งให้ดำรง ตำแหน่งระดับสูง มักขัดขวางแผนการของอดีตประธานาธิบดี และสถาบันอื่นๆในสังคมของเรา รวมถึงสื่อเสรีและหน่วยงาน บังคับใช้กฎหมายที่มีอิสระ ต่างก็ทำให้เขาต้องรับผิดชอบต่อ สาธารณชน”
นิวยอร์กไทมส์ยังชี้ว่า ทรัมป์และขบวนการของเขาแทบจะยึดครองพรรครีพับลิกันได้แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือทรัมป์ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งอีกสมัยได้ ตั้งแต่วันที่เขาเข้าทำเนียบขาว เขาจะกลายเป็นประธานาธิบดีที่ไร้ความสามารถโดยพฤตินัย รัฐธรรมนูญจำกัดให้เขาดำรงตำแหน่งได้เพียงสองวาระ รัฐสภามีอำนาจ และสำหรับพรรครีพับลิกันที่มีความ ทะเยอทะยานบางคน อาจมีแรงจูงใจทางการเมืองที่จะไม่เดิน ตามวาระต่อต้านประชาธิปไตยของทรัมป์
“ผู้ว่าการรัฐและสภานิติบัญญัติทั่วประเทศใช้เวลาหลายเดือน ในการปรับปรุงกฎหมายและรัฐธรรมนูญของรัฐเพื่อปกป้อง สิทธิพลเมืองและเสรีภาพ รวมถึงการเข้าถึงการดูแลสุขภาพเพื่อการเจริญพันธุ์และการแปลงเพศ แม้แต่รัฐที่ลงคะแนน เสียงให้กับทรัมป์อย่างท่วมท้น เช่น รัฐเคนตักกี้ รัฐโอไฮโอ และรัฐแคนซัส ก็ยังปฏิเสธข้อเสนอการจำกัดสิทธิในการ ทำแท้งที่สุดโต่ง สถาบันอื่นๆ ของสังคมพลเมืองอเมริกันจะมี บทบาทสำคัญในการท้าทายอำนายรัฐบาลทรัมป์ในศาล ใน ชุมชนของเรา และในการประท้วงที่จะกลับมาอย่างแน่นอน”
นิวยอร์กไทมส์ ยังกล่าวถึงด้านต่างประเทศว่า ในส่วนอื่นๆ ของโลกก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเกี่ยวกับตัวของผู้นำที่ในไม่ช้านี้จะกลับมาเป็นตัวแทนของสหรัฐอเมริกาบนเวทีโลกอีกครั้ง
“ประเทศต่างๆในพันธมิตรนาโตต่างตกตะลึงในช่วงการบริหารของทรัมป์ชุดแรกที่เขาตั้งใจที่จะทำลายความร่วมมืออันยาวนานและมีค่านี้ แต่ประเทศต่างๆ ในยุโรปได้ท้าทาย แนวทางของทรัมป์ ไม่เพียงแต่มารวมตัวกันกับสหรัฐอเมริกา เพื่อเผชิญหน้ากับการรุกรานยูเครนของรัสเซียเท่านั้น แต่ยัง ขยายกำลังพลไปจนถึงชายแดนรัสเซียอีกด้วย”
- เดโมแครตต้องต้านทรัมป์และช่วยหาทางออก
นิวยอร์กไทมส์กล่าวถึงพรรคเดโมแครตว่า การระวังหลังในฐานะฝ่ายค้านทางการเมืองจะไม่เพียงพอ พรรคจะต้องพิจารณาอย่างจริงจังด้วยว่าเหตุใดจึงแพ้การเลือกตั้ง ใช้เวลานานเกินไปกว่าจะตระหนักว่าประธานาธิบดีไบเดนไม่มีความ สามารถที่จะลงสมัครเป็นสมัยที่สอง ใช้เวลานานเกินไปกว่าจะตระหนักว่าวาระก้าวหน้าจำนวนมากของพรรคทำให้ผู้มีสิิทธิเลือกตั้งไม่พอใจ พรรคต้องหาข้อสรุปที่น่าเชื่อถือเพื่อเข้าถึงชาวอเมริกันจากทั้งสองพรรคที่สูญเสียศรัทธาในระบบ ซึ่ง ผลักดันผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่เชื่อมั่นหันไปหาบุคคลที่เป็นตัวป่วนอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะเห็นข้อบกพร่องร้ายแรงของเขาก็ตาม
หากพรรคเดโมแครตจะต่อต้านนายทรัมป์ได้อย่างมีประสิทธิผล จะต้องไม่เพียงแค่ต้านทานแรงขับที่เลวร้ายที่สุดของเขาเท่านั้น แต่ยังต้องเสนอวิสัยทัศน์ว่าพวกเขาจะทำอะไร เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของชาวอเมริกันทุกคนและตอบสนองต่อ ความวิตกกังวลที่ผู้คนมีเกี่ยวกับทิศทางของประเทศและวิธีที่ พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างไร
การทดสอบสำหรับสมาชิกสภาคองเกรสชุดใหม่นี้จะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้ หลังจากที่พวกเขาสาบานตน ประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกได้สัญญาว่าในวาระสองจะเลือกคนที่จงรักภักดีมารายล้อม ผู้เต็มใจจะทำทุกอย่างที่เขาสั่ง แต่ประธานาธิบดีจำเป็นต้องให้วุฒิสภาอนุมัติการแต่งตั้งเหล่านั้นจำนวนมาก วุฒิสภาสามารถหยุดยั้งผู้สมัครที่หัวรุนแรงหรือไม่มีคุณวุฒิสูงสุดไม่ให้ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี เช่น รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรียุติธรรม รวมถึงที่นั่งในศาลฎีกาและผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางได้
วุฒิสภาทำเช่นนั้นในปี 2020 ด้วยการขัดขวางความพยายามของทรัมป์ที่จะแต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีคุณวุฒิให้ดำรงตำแหน่งใน คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ
บางทีความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุดอาจตกอยู่กับทุกคนที่จะดำรงตำแหน่งในรัฐบาลทรัมป์ชุดที่สอง ผู้ที่เขาแต่งตั้งให้เป็น รัฐมนตรียุติธรรม รัฐมนตรีกลาโหม และผู้นำระดับสูงอื่นๆซึ่ง ต้องระวังไว้ว่าทรัมป์อาจจะขอให้พวกเขาทำผิดกฎหมาย ละเมิดรัฐธรรมนูญ
- เชิญชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจับตาดูทรัมป์
แต่ความรับผิดชอบขั้นสุดท้ายในการทำให้ค่านิยมที่ยั่งยืนของอเมริกาคงอยู่ต่อไปนั้นตกอยู่ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ที่สนับสนุนนายทรัมป์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ควรสังเกต พฤติกรรมของเขาอย่างใกล้ชิดในขณะดำรงตำแหน่งเพื่อดูว่าตรงกับความคาดหวังของพวกเขาหรือไม่ และหากไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาควรแสดงความผิดหวังของตนและลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2026 และในปี 2028 เพื่อนำประเทศกลับมาสู่เส้นทางเดิม
“เบนจามิน แฟรงคลิน เคยเตือนสติชาวอเมริกันว่าประเทศ ชาติคือ “สาธารณรัฐ หากคุณสามารถรักษาไว้ได้” การเลือกทรัมป์เป็นผู้นำถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสาธารณรัฐ แต่เขาจะไม่สามารถกำหนดชะตากรรมของประชาธิปไตยของอเมริกาในระยะยาวได้ ผลลัพธ์ดังกล่าวยังคงอยู่ในมือของชาวอเมริกัน เป็นผลงานในสี่ปีข้างหน้า” นิวยอร์กไทมส์สรุป