‘ดูไบ’ สร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจ 1 พันล้านล้านบาท บนทะเลทรายโดยไม่พึ่งพา 'น้ำมัน'

‘ดูไบ’ สร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจ 1 พันล้านล้านบาท บนทะเลทรายโดยไม่พึ่งพา 'น้ำมัน'

‘ดูไบ’ สร้าง ‘เศรษฐกิจ’ มูลค่า 1 พันล้านล้านบาท บนทะเลทราย ออก ‘วีซ่าทองคำ’ เรียกเงินลงทุน-คนเก่ง ตั้งเป้า 10 ปีเป็นศูนย์กลาง ‘การเงิน’ เพื่อต้องการหลุดพ้นจากการพึ่งพา ‘น้ำมัน’

“ดูไบ” 1 ใน 7 รัฐของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ตั้งอยู่ทะเลทราย ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญระดับโลก ด้วยตึกระฟ้าสูงเสียดฟ้า อาคารหรูหรา และโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ตั้งเป้าให้เมืองกลายเป็นศูนย์กลางระดับโลกทั้งด้านการลงทุน การค้า เทคโนโลยีและการเงินได้อย่างไร 

‘ดูไบ’ สร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจ 1 พันล้านล้านบาท บนทะเลทรายโดยไม่พึ่งพา \'น้ำมัน\'

ฯพณฯ คัลฟาน เบลฮูล ซีอีโอของมูลนิธิ Dubai Future Foundation เล่าในงาน Binance Blockchain Week Dubai 2024 ถึง “ความสำเร็จ” ของดูไบไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของ “ผู้นำ” และความกล้าที่จะลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ 

‘ดูไบ’ สร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจ 1 พันล้านล้านบาท บนทะเลทรายโดยไม่พึ่งพา \'น้ำมัน\'

การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เริ่มต้นขึ้นเมื่อดูไบ ตัดสินใจที่จะพัฒนาเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากการพึ่งพา “อุตสาหกรรมน้ำมัน” เพียงอย่างเดียว พร้อมกับเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของภูมิภาคที่ถูกมองว่าเต็มไปด้วยความขัดแย้งไปสู่เมืองที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในภาคบริการ การท่องเที่ยว และการค้า 

‘ดูไบ’ สร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจ 1 พันล้านล้านบาท บนทะเลทรายโดยไม่พึ่งพา \'น้ำมัน\' เริ่มต้นด้วยการ สร้างวิวัฒนาการจากท่าเรือ “เจเบล อาลี”  (Jebel Ali) สู่ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดและพลุกพล่านที่สุดในตะวันออกกลาง จนหลายคนลืมไปว่า “ดูไบ” เป็นเมืองที่เพิ่งสร้างขึ้นได้ไม่นาน เมื่อหลายสิบปีก่อนในสายตาชาวโลกดูไบเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเลทราย แต่ตอนนี้กลายเป็นเมืองที่ถูกจับต้องในเวทีโลก

"ใครจะเชื่อว่าประเทศขนาดเล็กอย่างเรา จะสามารถพัฒนาจนมีกองเรือพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้! นั่นเปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้กลางทะเลทราย แม้จะดูเหมือนเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่น พยายาม และอดทน ก็สามารถทำให้สำเร็จได้”

‘ดูไบ’ สร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจ 1 พันล้านล้านบาท บนทะเลทรายโดยไม่พึ่งพา \'น้ำมัน\'

UAE หนึ่งในประเทศเศรษฐกิจโตเร็วที่สุดในโลก

การเติบโตทางเศรษฐกิจ GDP ของดูไบในไตรมาส 1 ปี 2567 เพิ่มขึ้น  3.2% มีมูลค่า  1.1 แสนล้านดีแรห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือราว 1 พันล้านล้านบาท 

จิฮาด อาซูร์ ผู้อำนวยการแผนกตะวันออกกลางและเอเชียกลางของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยืนยันว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีแนวโน้มที่จะนำหน้าประเทศสมาชิกในอ่าวอาหรับ (GCC) ในปี 2568 โดยได้รับการขับเคลื่อนเป็นหลักจากภาคส่วนที่ไม่ใช่ “น้ำมัน”

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก จากการจัดอันดับล่าสุดของ US News & World Report โดยครองอันดับ 1 จากทั้งหมด 89 ประเทศ แซงหน้าเยอรมนี แคนาดา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สวีเดน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ 

‘ปลอดภาษี’ สวรรค์ของเศรษฐีโลก

ดูไบ ครองอันดับ 20 เมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ตามรายงานล่าสุดของเฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส (Henley & Partners) โดยมีจำนวนเศรษฐีมากกว่ามีทรัพย์สินสุทธิมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ถึง 68,000 คน และเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์ถึง 15 คน

บุคคลที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงในดูไบพุ่งสูงขึ้น 18% ในช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2565 และทั้งปีสามารถดึงดูดคนกลุ่มนี้ได้มากถึง  3,500 คน ซึ่งคาดว่าคนกลุ่มคนเหล่านี้เลือกที่จะย้ายถิ่นฐานและตั้งรกรากในดูไบมากขึ้นเรื่อยๆ

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักลงทุนและผู้ที่มีฐานะร่ำรวยคือ “นโยบายภาษี” ที่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่มีภาษีรายได้ส่วนบุคคล ทำให้ผู้ที่มีรายได้สูงสามารถเก็บเงินได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ดูไบยังมี สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นมิตร โดยมีกฎระเบียบที่ผ่อนปรน กรอบกฎหมายที่แข็งแกร่ง และระบบราชการที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ทำให้การเริ่มต้นและดำเนินธุรกิจเป็นไปได้อย่างราบรื่นและง่ายดาย 

‘วีซ่าทองคำ’ ดัน GDP ดูไบ

การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ถือ “วีซ่าทองคำ” ซึ่งเป็นวีซ่าประเภทหนึ่งที่มอบให้กับนักลงทุนและผู้ที่มีทักษะสูง ส่งผลให้เกิดกำลังซื้อมหาศาลในตลาด ทำให้ภาคการค้าส่งและค้าปลีกกลายเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของดูไบ และมีส่วนสำคัญในการ หนุน GDP ของเมืองสูงถึง 2.6 หมื่นล้านเดอร์แฮม หรือราว 2.4 แสนล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2567

วิคัส ชาดา ซีอีโอของ Jumbo Electronics มองว่าประชากรของดูไบกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละประมาณ 25,000 คน  ส่วนหนึ่งมาจากโครงการวีซ่าทองคำ ปัจจุบันมีผู้อยู่อาศัยในดูไบมากกว่า 3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.43 % จากปีก่อน โดยการประมาณการล่าสุดระบุว่าคาดว่าประชากรจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 5 ล้านคนภายในปี 2573

'อสังหาริมทรัพย์' หัวใจสำคัญเศรษฐกิจดูไบ

หากใครเคยได้ไปเยือนดูไป ปลายยอดตึกสูงระฟ้ามักมีชื่อของบริษัทแสดงสัญลักษณ์อยู่ด้วย แต่เราจะพบเห็นไม่กี่ชื่อนัก อย่างเช่น EMAAR และ DAMAC เป็น 2 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของดูไบ มีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่หลายโครงการ

‘ดูไบ’ สร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจ 1 พันล้านล้านบาท บนทะเลทรายโดยไม่พึ่งพา \'น้ำมัน\'

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ นับเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของดูไบเพราะถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด เพราะการลงทุนในดูไบยังมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่ไม่ต้องเสียภาษีรายได้จากค่าเช่า ทำให้การลงทุนมีความมั่นคงและน่าสนใจมากขึ้น ทำให้ยอดขายปี 2567 สิ้นสุดเดือนต.ค.ทำลายสถิติสูงสุดที่ 5 แสนล้านดีร์แฮม  เพิ่มถึง 798% จากปี 2020

ศูนย์กลาง 'การเงิน' ใน 10 ปี 

โครงสร้างพื้นฐานเพื่อดึงดูดการลงทุนของดูไบทั้งหมด อยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์“Dubai Economic Agenda D33”  ของ “ชีคโมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม” รองประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และเจ้าผู้ครองนครดูไบ เมื่อม.ค. 66 ที่ผ่านมา มีเป้าหมายเพิ่มเศรษฐกิจของเมืองเป็น 2 เท่าภายในปี 2573 และแผนเศรษฐกิจ 10 ปี มูลค่า 8.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 296 ล้านล้านบาท โดยตั้งเป้าจะเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก

“ดูไบจะขึ้นไปเป็น 1 ใน 4 ศูนย์กลางทางการเงินของโลก ด้วยมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (foreign direct investment : FDI) เพิ่มขึ้นเป็น 650,000 ล้านเดอร์แฮมในทศวรรรษข้างหน้า นักลงทุนกว่า 300,000 คน การลงทุนจากทั่วโลกจะช่วยสร้างดูไบให้เป็นเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก” 

อ้างอิง wam.ae  economictimes.indiatimes arabianbusiness