‘ทรัมป์’ แนะ‘ปูติน’ อย่ายกระดับสงคราม
ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย เสนอแนะไม่ให้เขายกระดับสงครามยูเครน
แหล่งข่าวที่ทราบเรื่องสนทนาดังกล่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์สเมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ว่า ทรัมป์และปูตินได้พูดคุยกันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา อีกทั้งทรัมป์ยังได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนเมื่อวันพุธ (6 พ.ย.)
ในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน วางแผนที่จะเรียกร้องให้ทรัมป์อย่าละทิ้งเคียฟ
ทรัมป์เคยวิพากษ์วิจารณ์ระดับการสนับสนุนทางทหารและทางการเงินของสหรัฐต่อเคียฟบ่อยครั้ง พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามโดยเร็ว โดยไม่ได้บอกว่าจะยุติอย่างไร
กระทรวงต่างประเทศของยูเครนระบุว่าไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และปูติน และไม่สามารถรับรองหรือคัดค้านการโทรศัพท์ดังกล่าวได้
“เราไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโทรศัพท์ส่วนตัวระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ” สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์กล่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์ดังกล่าว ซึ่งรายงานครั้งแรกโดยวอชิงตันโพสต์
ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังจากเอาชนะรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน
ทำเนียบขาวระบุว่าไบเดนได้เชิญทรัมป์มาที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.)
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าสารหลักของไบเดนคือคำมั่นสัญญาของเขาที่จะรับประกันการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ และเขาจะพูดคุยกับทรัมป์เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลางด้วย
ประธานาธิบดีไบเดนจะใช้ช่วง 70 วันข้างหน้านี้ในการเสนอต่อรัฐสภาและฝ่ายบริหารชุดใหม่ว่าสหรัฐไม่ควรถอนตัวจากยูเครน การเดินหนีจากยูเครนจะส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงในยุโรปมากขึ้น" ซัลลิแวนกล่าวในรายการ "Face the Nation" ของซีบีเอสนิวส์
ความเห็นของซัลลิแวนมีขึ้นในขณะที่ยูเครนโจมตีมอสโกเมื่อวันอาทิตย์ด้วยโดรนอย่างน้อย 34 ลำ ซึ่งถือเป็นการโจมตีเมืองหลวงของรัสเซียด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มต้นสงคราม
เมื่อถูกถามว่าไบเดนจะขอให้รัฐสภาผ่านกฎหมายเพื่ออนุมัติเงินทุนสนับสนุนเพิ่มเติมให้กับยูเครนหรือไม่ ซัลลิแวนไม่ตอบ
“ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อเสนอข้อเสนอทางกฎหมายที่เฉพาะเจาะจง” ประธานาธิบดีไบเดนจะชี้แจงว่าเราจำเป็นต้องมีทรัพยากรอย่างต่อเนื่องสำหรับยูเครนหลังจากสิ้นสุดวาระของเขา” ซัลลิแวนกล่าว
เงินทุนสนับสนุนของยูเครน
วอชิงตันได้ให้ความช่วยเหลือด้านการทหารและเศรษฐกิจมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์แก่ยูเครนนับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ซึ่งเป็นเงินทุนที่ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์และคัดค้านมาตลอดพร้อมกับสมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันคนอื่นๆ
เมื่อปีที่แล้วทรัมป์ยืนกรานว่าปูตินจะไม่มีวันรุกรานยูเครนหากเขาอยู่ในทำเนียบขาวในเวลานั้น เขากล่าวกับรอยเตอร์สว่ายูเครนอาจต้องยกดินแดนให้รัสเซียเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ ซึ่งยูเครนปฏิเสธและไบเดนไม่เคยเสนอแนะ
ด้านเซเลนสกีกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) ว่าเขาไม่ทราบรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับแผนการของทรัมป์ที่จะยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว และเขาเชื่อมั่นว่าการยุติอย่างรวดเร็วจะส่งผลให้เคียฟต้องเป็นฝ่ายอ่อนข้อให้รัสเซียเป็นอย่างมาก
ตามข้อมูลของสำนักงานตรวจสอบอิสระของรัฐสภาสหรัฐ (Government Accountability Office) ระบุว่า รัฐสภาสหรัฐได้จัดสรรงบประมาณมากกว่า 1.74 แสนล้านดอลลาร์ให้แก่ยูเครนภายใต้การนำของไบเดน ความช่วยเหลือดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะลดลงอย่างแน่นอนภายใต้การนำของทรัมป์ โดยพรรครีพับลิกันเตรียมที่จะคุมวุฒิสภาสหรัฐด้วยคะแนนเสียงข้างมาก 52 เสียง
การครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในสภาคองเกรสชุดต่อไปยังไม่ชัดเจน เนื่องจากคะแนนเสียงบางส่วนยังนับไม่ครบ พรรครีพับลิกันชนะไปแล้ว 213 ที่นั่ง ตามข้อมูลของสำนักวิจัย Edison Research พรรคใดได้ 218 ที่นั่งขึ้นไปจะได้ครองเสียงข้างมาก หากพรรครีพับลิกันชนะทั้งสองสภา จะทำให้วาระส่วนใหญ่ของทรัมป์จะผ่านสภาคองเกรสได้ง่ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
บิลล์ ฮาเกอร์ตี้ สมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นพันธมิตรของทรัมป์และถือเป็นตัวเก็งสำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้วิพากษ์วิจารณ์การจัดสรรเงินทุนของสหรัฐให้กับยูเครนในบทสัมภาษณ์ของ CBS ว่า
“ชาวอเมริกันต้องการปกป้องอำนาจอธิปไตยที่นี่ในอเมริกา ก่อนที่เราจะใช้เงินและทรัพยากรของเราเพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตยของประเทศอื่น”
เจ้าหน้าที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่า สงครามในยูเครนซึ่งดำเนินมา 2 ปีครึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย หลังจากกองกำลังของมอสโกกำลังรุกคืบอย่างรวดเร็วมากนับตั้งแต่ช่วงต้นสงคราม
ความพยายามใหม่ใดๆ เพื่อยุติสงครามอาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสันติภาพ ซึ่งไม่ได้จัดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสงคราม
กองกำลังของมอสโกยึดครองพื้นที่ประมาณหนึ่งในห้าของยูเครน รัสเซียกล่าวว่าสงครามจะยุติไม่ได้จนกว่าจะยอมรับการผนวกดินแดน เคียฟเรียกร้องดินแดนทั้งหมดคืน ซึ่งเป็นจุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนเป็นส่วนใหญ่จากพันธมิตรตะวันตก