'ทรัมป์ 2.0' อาจทำ 'กลาโหมสหรัฐ' ป่วน จ่อขับไล่เจ้าหน้าที่ไม่ภักดีเพียบ
กระทรวงกลาโหมสหรัฐอาจป่วน ทรัมป์ 2.0 ทำผวา จ่อปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูงและข้าราชการพลเรือนที่ไม่ภักดีออกไป เพื่อการดำเนินการนโยบายที่ราบรื่น
ในระหว่างหาเสียงก่อนถึงวันเลือกตั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นว่าจะขับกลุ่มนายพล “ตื่นรู้” (woke) ออกจากกองทัพ และตอนนี้ผลการเลือกตั้งสหรัฐอย่างไม่เป็นทางการบ่งชี้ว่าทรัมป์จะเป็น ประธานาธิบดีสหรัฐ คำถามจากราชการกระทรวงกลาโหมคือ ทรัมป์จะทำอะไรมากกว่านั้นหรือไม่
รอยเตอร์สระบุว่า ทรัมป์อาจมีมุมมองต่อผู้นำกองทัพที่แย่กว่านั้นในช่วงการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของเขา หลังจากเผชิญการต่อต้านจากเพนตากอนในหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องความเคลือบแคลงใจที่มีต่อองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ไปจนถึงเรื่องความพร้อมในกรส่งทหารไปปราบปรามการประท้วงบนถนน
เจ้าหน้าที่รัฐในปัจุบันและในอดีต บอกว่า ในสมัยดำรงตำแหน่งครั้งที่ 2 ทรัมป์จะให้ความสำคัญต่อความภักดีเป็นอันดับแรก อาจขับทหารและข้าราชการพลเรือนที่เขามองว่าไม่ภักดีออกไป
แจ็ก รีด หัวหน้าคณะกรรมาธิการทหารของวุฒิสภาสหรัฐพรรคเดโมแครตบอกว่า
“เขาจะทำลายกระทรวงกลาโหม เขาจะปรี่เข้าไป และขับไล่นายพลที่ยืนหยัดเพื่อรัฐธรรมนูญ”
เมื่อเดือน มิ.ย. ฟ็อกซ์นิวส์ ถามว่าทรัมป์จะไล่นายพล “ตื่นรู้” ออกหรือไม่ ซึ่งหมายถึงกลุ่มนายพลที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและทางสังคม และคำนี้เป็นคำที่ฝ่ายอนุรักษนิยมใช้ดูหมิ่นคนที่มีหัวก้าวหน้า ครั้งนั้นทรัมป์ตอบว่า
“ผมจะไล่พวกเขาออก ผมไม่อยากมีกองทัพกลุ่มตื่นรู้”
ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ดำรงตำแหน่งในเพนตากอนทั้งปัจจุบันและในอดีตบางคน กังวลว่า ทีมบริหารทรัมป์ อาจเล็งไปที่ “พลอากาศเอก ซี.คิว. บราวน์” ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมคนปัจจุบันที่เป็นคนผิวดำ ทั้งยังเป็นอดีตนักบินขับไล่และผู้บัญชาการทหารที่ได้รับความนับถือและไม่ยุ่งเรื่องการเมือง
เมื่อถามความคิดเห็นจากนาวาเอกเจเรียล ดอร์ซีย์ โฆษกของบราวน์ บอกว่า ประธานและกำลังพลในกองทัพยังคงให้ความสำคัญกับความมั่นคงและการป้องกันประเทศ และจะทำเช่นนั้นต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลใหม่ของปธน.ทรัมป์จะราบรื่น
ด้านเจ.ดี. แวนซ์ รองปธน.ที่ได้รับเลือกของทรัมป์ลงคะแนนในฐานะสมาชิกวุฒิสภา เคยคัดค้านการให้บราวน์ขึ้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐ และวิจารณ์การต่อต้านคำสั่งทรัมป์ภายในเพนตากอน
“ถ้าคนในรัฐบาลของคุณไม่ภักดีต่อคุณ คุณต้องขับพวกเขาออกและแทนที่ด้วยคนที่จะตอบสนองต่อสิ่งที่ประธานาธิบดีพยายามจะทำ” แวนซ์ ให้สัมภาษณ์กับทักเกอร์ คาร์ลสัน ก่อนการเลือกตั้ง
ก่อนหน้านี้ทรัมป์ยังเคยแบนทหารข้ามเพศ และลงโฆษณาในแพลตฟอร์ม X โดยบรรยายว่า พวกเขาอ่อนแอ พร้อมให้คำมั่นว่าเราจะไม่มีกลุ่มทหาร woke !
ทรัมป์หวังใช้ทหารช่วยงานนโยบาย
ทรัมป์แนะว่า กองทัพสหรัฐ ควรมีบทบาทสำคัญในนโยบานที่สำคัญต่างๆของตน ตั้งแต่การเรียกกองกำลังป้องกันชาติสหรัฐ และกองกำลังที่ประจำการอยู่เพื่อช่วยเนรเทศบุคคลที่ไม่มีเอกสารจำนวนมากที่อาศัยในสหรัฐ
ข้อเสนอดังกล่าวทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารกังวล โดยมองว่าการเรียกทหารลงถนนไม่ได้ละเมิดเพียงกฎหมายเท่านั้น แต่ ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากต่อต้านกองทัพติดอาวุธของสหรัฐที่ยังคงได้รับความนับถืออย่างกว้างขวาง
ขณะที่ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการเผยออกมา “ลอยด์ ออสติน” รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐก็ประกาศยอมรับผล และย้ำว่า กองทัพจะปฏิบัติตามคำสั่งที่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด
แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเตือนว่า ทรัมป์อาจตีความกฎหมายได้กว้าง และกองทัพสหรัฐไม่สามารถละเมิดคำสั่งทางกฎหมายที่มองว่าผิดศีลธรรมได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าว โกรี เชก จากสถาบัน American Enterprise ที่เป็นกลุ่มอนุรักษนิยมเตือนว่า ทรัมป์สมัยสองอาจมีการไล่เจ้าหน้าที่ระดับสูงออกจำนวนมาก เนื่องจากเขาต้องการผลักดันนโยบายที่เป็นที่ถกเถียง
เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐรายหนึ่งได้แสดงความกังวลเช่นกัน โดยบอกว่าการสร้างความวุ่นวายภายในห่วงโซ่การบังคับบัญชาของกองทัพสหรัฐ อาจเกิดกระแสตีกลับทางการเมือง และไม่ได้เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับทรัมป์ในการบรรลุเป้าหมายของเขา
“พวกเขาจะพบว่าเจ้าหน้าที่กองทัพปกติให้ความสำคัญกับเรื่องการสู้รบไม่ใช่นโยบาย” เจ้าหน้าคนดังกล่าวแสดงความเห็น
ปลดราชการพลเรือนกลาโหม?
เจ้าหน้าที่ที่ดำรงตำแหน่งในกลาโหมสหรัฐทั้งปัจจุบันและอดีต บอกว่า ข้าราชการพลเรือนในเพนตากอนก็อาจเผชิญกับการทดสอบความภักดี ขณะที่พันธมิตรของทรัมป์ออกมาแสดงการสนับสนุนการอย่างเปิดเผยต่อการใช้คำสั่งฝ่ายบริหาร และการเปลี่ยนแปลงกฎเพื่อแทนที่ข้าราชการพลเรือนเหล่านั้นด้วยพันธมิตรกลุ่มอนุรักษนิยม
เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐระดับอาวุโสรายหนึ่ง เผยว่า เกิดความกังวลมากขึ้นภายในเพนตากอนว่าทรัมป์อาจปลดข้าราชการพลเรือนออกจากกระทรวง
ทั้งนี้ ข้าราชการพลเรือนเป็นหนึ่งในข้าราชการเกือบ 950,000 คน ในกองทัพสหรัฐที่ไม่มียศ และหลายคนก็มีประสบการณ์เฉพาะทางหลายปี
อ้างอิง: Reuters