กระแสทุน 'เกาหลีใต้' หนุนเวียดนามทะยานสู่ 'มังกรหนุ่มแห่งเอเชีย'
จักรวาลคู่ขนานของ ‘ชาวเกาหลีใต้’ ใน ‘เวียดนาม’ เมื่อเม็ดเงินจากแดนกิมจิ
ดันเศรษฐกิจมังกรแห่งอาเซียนโต
ธุรกิจเฉพาะทางของปีเตอร์ จุง เป็นสิ่งที่แทบจะไม่น่าเป็นไปได้ในโฮจิมินห์ซิตี้เมื่อไม่นานมานี้ ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้วเขาเปิดร้าน Fill It คลินิกระดับไฮเอนด์ที่เชี่ยวชาญด้านการสักสีบนหนังศีรษะ (Scalp Micropigmentation) ซึ่งเป็นการรักษาผมร่วง โดยให้บริการแก่ชาวเกาหลีใต้ในเมืองนี้
"แน่นอนว่าบางครั้งคุณจะมีลูกค้าที่มีความต้องการสูงและต้องใช้เวลาจำนวนมาก" เขากล่าวผ่านพนักงานที่แปลจากภาษาเกาหลีเป็นเวียดนาม "แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็มีความสุข"
การที่ธุรกิจซึ่งมีค่าบริการสูงกว่าเงินเดือนคนท้องถิ่นหนึ่งเดือนเช่นนี้สามารถดำรงอยู่ได้ในศูนย์กลางการค้าของเวียดนาม แสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อของชาวเกาหลีที่อาศัยอยู่ในเวียดนามได้เติบโตถึงจุดที่สามารถสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนได้ในเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้
ในย่านโคเรียทาวน์สองแห่งของโฮจิมินห์ซิตี้ เป็นย่านที่มีร้านค้าและบริการหลายอย่างแบบครบวงจรตั้งแต่ไปหาหมอฟัน เล่นกอล์ฟในสนามเสมือนจริง ไปจนถึงซื้อหุ้นหรือปรึกษาตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งทั้งหมดสามารถสื่อสารกันได้ผ่านภาษาเกาหลี
นอกจากโคเรียทาวน์สองแห่งนี้ ยังมีชุมชนชาวเกาหลีในกรุงฮานอย และกลุ่มเล็กๆ ในจังหวัดบิ่งเยือง (Binh Duong) และด่งไน (Dong Nai) ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานต่างชาติจำนวนมาก
บทวิเคราะห์ของนิกเคอิ เอเชีย เผยว่า ปัจจุบันมีชาวเกาหลีใต้อาศัยอยู่ในเวียดนามประมาณ 178,000 คน ซึ่งมากกว่าจำนวนชาวเกาหลีในประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประมาณ 60,000 คน ตามข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศที่กรุงโซล โดยมีเพียงสหรัฐ ญี่ปุ่น แคนาดา และจีนเท่านั้นที่มีประชากรชาวเกาหลีอาศัยอยู่มากกว่า
ชาวเกาหลีใต้ในเวียดนามปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งประวัติศาสตร์ในอดีต ความต้องการลงทุน และการย้ายตามครอบครัวทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของสาเหตุที่นำพาชาวเกาหลีใต้มาสู่ศูนย์กลางการผลิตแห่งนี้จำนวนมหาศาลและแนวโน้มนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัว
ไตรมาสแรกของปี 2567 บริษัทเกาหลีลงทุนในเวียดนามสูงถึง 670 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เวียดนามเป็นประเทศเป้าหมายการลงทุนอันดับหนึ่งรองจากสหรัฐ และประเทศที่เป็นสวรรค์ภาษีไม่กี่แห่ง
ตามข้อมูลจาก Statista พบว่า ตัวเลขจากรัฐบาลเวียดนามแสดงว่าเกาหลีใต้เป็นแหล่งการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดโดยมีมูลค่า 88.3 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 1988 จนถึงสิ้นเดือนก.ย.
"ชาวเกาหลีใต้หลั่งไหลมาพร้อมกับบริษัทใหญ่ๆ พวกเขาอยู่ต่อ พวกเขารักชีวิตในเวียดนาม" จีฮวาน พาร์ค หุ้นส่วนที่บริษัทกฎหมาย Shin & Kim ซึ่งให้คำปรึกษาแก่บริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีหลายแห่งที่ลงทุนในเวียดนาม กล่าว
บางคนขยายเวลาประจำการของตัวเพื่อให้ลูกๆ เรียนจบ ในขณะที่คนอื่นๆ "ลาออกจากบริษัทและเริ่มธุรกิจของตัวเองที่เวียดนาม" เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์ที่ตึกสูงใจกลางเมืองซึ่งเขาใช้พื้นที่ร่วมกับสายการบินเกาหลีแอร์ สำนักงานตัวแทนเมืองปูซาน และบริษัทเกาหลีอื่นๆ
ทั้งนี้ ธุรกิจของชาวเกาหลีใต้ในเวียดนามมีตั้งแต่โครงการขนาดเล็กที่เกิดจากความหลงใหล ไปจนถึงแชโบล (กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของเกาหลี) ที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของชาวเวียดนามไปแล้ว เช่น CJ Group ซึ่งบริหารเครือโรงภาพยนตร์ที่ครองตลาด ผลิตภาพยนตร์ ขายอาหารทั้งแบบค้าส่งและค้าปลีก และบริหารฟาร์มกุ้ง
ยอดลงทุนจากเกาหลีใต้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"เมื่อชาวเกาหลีมาทำธุรกิจที่นี่ พวกเขารู้สึกได้รับการต้อนรับ" จุงกล่าว พร้อมอธิบายเสริมว่าพวกเขายังชื่นชอบธุรกิจของชาวเกาหลีอย่างร้านของเขา ที่พวกเขาสามารถ "พูดภาษาบ้านเกิด" แต่ก็ยังคาดหวังคุณภาพที่ดีจากการบริการได้
สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้ รายงานว่า ชาวเกาหลีเดินทางมายังประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้มาหลายทศวรรษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามเวียดนาม เมื่อเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้สนับสนุนฝ่ายตรงข้ามกันในความขัดแย้ง โดยในปี 2566ศาลในกรุงโซลได้สั่งให้รัฐบาลจ่ายค่าชดเชยสำหรับการสังหารหมู่ที่นาวิกโยธินของตัวเองก่อขึ้นในปี 1968
‘ซัมซุง’ ผู้เบิกทางให้บริษัทเกาหลีไต้ลงทุนเวียดนาม
การลงทุนและการย้ายถิ่นฐานเริ่มพุ่งสูงขึ้นหลังจากเวียดนามเข้าร่วมองค์การการค้าโลก (WTO) ในปี 2007 หนึ่งทศวรรษหลังจากเข้าร่วมอาเซียน ซัมซุงเปิดโรงงานแห่งแรกในประเทศนี้ในปี 2009 และปัจจุบันผลิตโทรศัพท์มือถือครึ่งหนึ่งของบริษัทในเวียดนาม ความเชื่อมั่นของบริษัทนี้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญให้บริษัทเกาหลีใต้อื่นๆ เข้ามาลงทุน
หอการค้าเกาหลี เปิดเผยว่า ปัจจุบันชาวเกาหลีดำเนินธุรกิจ 10,000 แห่งในเวียดนาม ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงประมาณแปดปีที่ผ่านมา ในขณะที่การค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่า 8.65 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2022 และรัฐบาลทั้งสองหวังว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
มินดี้ เหงวียต หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Dragon Capital กล่าวว่า ในแง่เศรษฐกิจ ประเมินผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจได้ยากเพราะ "การลงทุนของเกาหลีมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของเวียดนาม"
โดยเธอยกตัวอย่างตั้งแต่ผู้ผลิตที่ "ส่งเสริมฐานอุตสาหกรรมที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น" ไปจนถึงผู้ค้าปลีกที่ "กำหนดรูปแบบพฤติกรรมผู้บริโภค ยกระดับมาตรฐานการบริการ และส่งเสริมการเติบโตของบริษัทท้องถิ่นผ่านการลงทุน"
‘ชาวเกาหลี’ หันใช้คนชาติเดียวกันทำงานแทนเวียดนาม
ปัจจุบันชาวเกาหลีใต้นั้นเป็นผู้ใช้บริการหลักในสโมสรเทนนิสและรีสอร์ทกอล์ฟจำนวนมาก พวกเขาจ้างคนชาติเดียวกันเป็นนักบัญชี แพทย์ฝังเข็ม ติวเตอร์ โค้ช มัณฑนากร และเชฟ รวมทั้งพวกเขากำลังหันมาใช้บริการธนาคารส่วนบุคคลมากขึ้น เนื่องจากชีวิตทางการเงินของพวกเขาฝังรากลึกในเวียดนามมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้านหลังที่ 2-3 หรือเริ่มต้นธุรกิจใหมา
ปีนี้ธนาคารวูริเวียดนาม (Woori Bank Vietnam) กำลังขยายบริการเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า "โดยเฉพาะการระดมทุนส่วนบุคคล" ปาร์ค จองอิล ซีอีโอกล่าว พร้อมอธิบายเสริมว่า ธนาคารแห่งนี้ได้เปิดตัวโปรแกรม "Two Chairs" สำหรับให้ผู้ฝากเงินนั่งพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับที่ปรึกษาด้านสินทรัพย์ เสริมความแข็งแกร่งให้กับชุดบริการซึ่งรวมถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย การจัดการกองทุน และประกันภัย
รากเหง้าวัฒนธรรมร่วม ‘เกาหลีใต้-เวียดนาม’
"ความใกล้ชิดทางวัฒนธรรมและประเพณีช่วยให้ชาวเกาหลีรู้สึกคุ้นเคยและปรับตัวได้ง่ายเมื่ออาศัยและทำงานในเวียดนาม" ปาร์คกล่าว
ปาร์คซึ่งเป็นทนายความ ชี้ให้เห็นถึงความคล้ายคลึงกัน เช่น รากเหง้าของเวียดนามและเกาหลีที่มาจากลัทธิขงจื๊อของจีนและภาษา ภาษาเวียดนามเคยเขียนด้วยตัวอักษรจีนและยังคงมีคำที่ออกเสียงคล้ายกันในภาษาเกาหลี ตัวอย่างเช่น คำว่า "ผู้ชาย" คือ "นัม" (Nam) ในภาษาเวียดนาม และ "นัมซ็อง" (Namseong) ในภาษาเกาหลี
แต่ความร่วมมือนี้ก็ไม่ได้ราบรื่นทั้งหมด ดังที่เห็นได้จากการจ่ายค่าชดเชยสงคราม ความกังวลของชาวเวียดนามในปัจจุบันโน้มเอียงไปทางด้านเศรษฐกิจมากขึ้น ตั้งแต่ผู้รับเหมาที่พยายามเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานที่ปิดตัวของบริษัทยักษ์ใหญ่เกาหลี ไปจนถึงพนักงานที่ระแวงนายจ้างชาวเกาหลีที่นำวัฒนธรรมการทำงานที่เครียดเข้ามา
แต่ความร่วมมือนี้ก็ไม่ได้ราบรื่นทั้งหมด ดังที่เห็นได้จากการจ่ายค่าชดเชยสงคราม ความกังวลของชาวเวียดนามในปัจจุบันโน้มเอียงไปทางด้านเศรษฐกิจมากขึ้น ตั้งแต่ผู้รับเหมาที่พยายามเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานในวงบิดของบริษัทยักษ์ใหญ่เกาหลี ไปจนถึงพนักงานที่ระแวงนายจ้างชาวเกาหลีที่นำวัฒนธรรมการทำงานที่เครียดเข้ามา
"ชาวเวียดนามขยันทำงาน" แต่ต้องการสมดุลระหว่างงานกับชีวิต เหงียน วัน คาย ผู้จัดการสินทรัพย์ของ Timensit กล่าวถึงความขัดแย้งทางวัฒนธรรม
นอกจากนี้ ชาวเกาหลีใต้ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคด้านภาษา ต้องทนกับความตึงเครียดที่พบบ่อยในชีวิตในเวียดนาม เช่น การติดสินบนเล็กๆ น้อยๆ หรือคนขับแท็กซี่ที่ไม่ซื่อสัตย์
อย่างไรก็ตาม ความกังวลเหล่านี้ถูกบดบังด้วยความสัมพันธ์ทางการค้าและสังคมที่แข็งแกร่ง รวมถึงชาวเวียดนามจำนวนมากที่หลงใหลในละครเกาหลีหรือย้ายไปเกาหลีใต้ในฐานะคู่สมรสหรือแรงงาน มีครอบครัวเกาหลี-เวียดนามในเกาหลีใต้ประมาณ 80,000 ครอบครัว ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการ
แม้แต่เกาหลีเหนือก็ยังรักษาความสัมพันธ์พิเศษกับเวียดนาม เพราะผู้นำของเวียดนามเคยต้อนรับผู้นำคิม จอง อึน และอนุญาตให้เปียงยางดำเนินกิจการ เช่น ร้านอาหารในดินแดนมังกรแห่งอาเซียนแห่งนี้เพื่อหารายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ ในแง่หนึ่ง เวียดนามจึงเป็นภาพจำลองของจักรวาลทางเลือกสำหรับชาวเกาหลี เป็นภาพของการรวมชาติหากสงครามกลางเมืองของเกาหลีทั้งสองฝ่ายจบลงด้วยมิตรภาพเช่นกัน ชาวเวียดนามก็สงสัยเช่นกันว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้หรือไม่ หากพวกเขายังคงแบ่งแยกกัน
แต่ปัจจุบันพวกเขาเลือกที่จะเป็นแบบเกาหลีใต้ ประเทศซึ่งบริษัทอย่างฮุนไดและล็อตเต้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการลงทุนในเวียดนาม
ประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหมายความว่ามีชาวเกาหลีที่มีเวลาว่างมาอุดหนุนภาคธุรกิจที่แทบจะไม่มีใครสนใจเมื่อสิบปีก่อน เช่น ที่ Lee Jiwon Pilates สตูดิโอได้นำเข้าอุปกรณ์และครูผู้สอนที่ได้รับการรับรองระดับนานาชาติ ซึ่งปรับแต่งคลาสของพวกเขา ตั้งแต่คลาสส่วนตัวไปจนถึงโปรแกรมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
"ผู้สอนที่มีทักษะสูงของเราสามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าได้" แสดงให้เห็นว่า "เราใส่ใจลูกค้าแต่ละคนอย่างจริงใจ" ลี เจ้าของที่ตั้งชื่อยิมตามชื่อตัวเองกล่าว
ทั้งนี้ ปาร์ค กล่าวเสริมว่า ชาวเกาหลีใต้ผู้ย้ายถิ่นฐานรู้สึกได้รับการต้อนรับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระแสเกาหลี หรือฮันรยู (Hallyu) เช่น แฟชั่นและดนตรีได้รับความนิยมอย่างมากในเวียดนาม
"เวลาไปคาราโอเกะ เพื่อนร่วมงาน [ชาวเวียดนาม] ของผมรู้จักเพลง K-pop มากกว่าผมอีก" เขากล่าวถึงความชื่นชอบที่ทำให้เพื่อนร่วมชาติของเขายังคงอาศัยและใช้จ่ายในประเทศนี้ พร้อมอธิบายเสริมว่า "นั่นคือเหตุผลที่ชาวเกาหลีคิดว่าเวียดนามเป็นมิตร... เรารู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่ต่างประเทศ"
อ้างอิง: Nikkei Asia