ยอดขาย Black Friday ทุบสถิติใหม่ คนเข็ดเงินเฟ้อ แห่ชอปถูกช่วงลดราคาแห่งปี
อะโดบีเผยเทศกาลชอปปิ้ง 'แบล็กฟรายเดย์' ปีนี้ทำยอดขายทุบสถิติใหม่ทะลุ 1 หมื่นล้านดอลลาร์วันวันเดียว โตกว่าปีก่อน 8.8% หลังทุบสถิติใหม่ใน 'วันขอบคุณพระเจ้า' เช่นกัน ตัวเลขชี้ยอดชอปออนไลน์โตสวนทางหน้าร้าน จับตาวันสุดท้าย 'ไซเบอร์มันเดย์'
เว็บไซต์อะโดบี อะนาไลติกส์ ซึ่งติดตามสถิติของอีคอมเมิร์ซ เปิดเผยคาดการณ์ยอดขายออนไลน์เนื่องในเทศกาลชอปปิ้ง "แบล็กฟรายเดย์" (Black Friday) ปีนี้ว่า ทำยอดขายได้สูงสุดทุบสถิติใหม่ที่ 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3.7 แสนล้านบาท) หรือโตขึ้นกว่าปีก่อน 8.8% โดยผู้คนมองหาของราคาถูกและดีลสุดคุ้มในช่วงเทศกาลกันมากขึ้น หลังเข็ดจากภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงในช่วงที่ผ่านมา
แนวโน้มที่ดีขึ้นของปีนี้ปรากฏให้เห็นชัดตั้งแต่ วันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ซึ่งปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย. โดยทำยอดขายออนไลน์สูงสุดทุบสถิติใหม่ 6.1 พันล้านดอลลาร์ (กว่า 2 แสนล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.5%
อะโดบีคาดการณ์ว่ายอดขายออนไลน์จะยังคงเติบโตดีตลอดสุดสัปดาห์ โดยคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 5.2 พันล้านดอลลาร์ในวันเสาร์ และ 5.6 พันล้านดอลลาร์ในวันอาทิตย์ ก่อนจะไปจบช่วงเทศกาลชอปปิ้งที่วันจันทร์ "ไซเบอร์ มันเดย์" (Cyber Monday) โดยคาดว่าจะทำยอดขายได้ถึง 1.32 หมื่นล้านดอลลาร์
"ในปีนี้ ผู้บริโภคซื้อของกันเฉลี่ยนาทีละ 11.3 ล้านดอลลาร์ ระหว่างช่วงเวลา 10 โมงเช้า ถึงบ่าย 2 ในวันแบล็กฟรายเดย์" อะโดบีระบุ
อะโดบีระบุว่าสินค้าในกลุ่ม "ของเล่น" เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดของเทศกาลชอปปิ้งปีนี้ โดยพ่อแม่ผู้ปกครองที่คำนึงเรื่องราคาเป็นหลักจะใช้ช่วงเทศกาลลดราคาครั้งใหญ่ประจำปีอย่างแบล็กฟรายเดย์ในการซื้อของเล่นหรือของขวัญ ทำให้ของเล่นเป็นสินค้าขายดีที่สุดในสัดส่วน 27.8% ตามมาด้วยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 27.4% และโทรทัศน์ 27.2%
ทั้งนี้เมื่อเทียบการเติบโตของยอดขายสินค้าในแต่ละกลุ่มแล้วพบว่า ของเล่นมียอดขายในวัน Black Friday เติบโตจากปีก่อนมากที่สุดถึง 622% ตามมาด้วยกลุ่มจิวเวลรีเครื่องประดับ 561% และเครื่องใช้ไฟฟ้า 476%
การลดราคาในปีนี้ทำให้ผู้คนหันมาสนใจซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีราคาแพงกันมากขึ้นเมื่อเทียบก่อนฤดูกาลชอปปิ้ง นอกจากนี้ยังพบว่าผู้บริโภคยังหันมาซื้อสินค้าที่อัปเกรดสูงขึ้น (Trading up) ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเกี่ยวกับกีฬา ของใช้ส่วนตัว และของเล่น
ชอปปิ้งหน้าร้านเงียบเหงา
ทางด้านข้อมูลจากมาสเตอร์การ์ดและผู้ให้บริการข้อมูลรายอื่นๆ เผยให้เห็นว่า การจับจ่ายซื้อสินค้าออนไลน์เนื่องในวัน Black Friday เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ส่วนทางกับ "ยอดขายหน้าร้าน" ที่ค่อนข้างเงียบเหงาในสหรัฐ
ข้อมูลจาก Mastercard SpendingPulse ซึ่งเป็นตัวชี้วัดยอดค้าปลีกในสหรัฐที่ใช้เครือข่ายการชำระเงินของมาสเตอร์การ์ด รวมกับการชำระเงินด้วยเงินสดและเช็คโดยประมาณ ระบุว่า ยอดขายออนไลน์ในสหรัฐทะยานขึ้น 14.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนยอดขายหน้าร้านขยับขึ้นเพียง 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี
การจับจ่ายรวมออนไลน์และหน้าร้านในวันแบล็กฟรายเดย์เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี (ไม่รวมรถยนต์และไม่ได้ปรับค่าตามเงินเฟ้อ) ส่วนในช่วงวันที่ 1 พ.ย. ถึง 24 ธ.ค. คาดว่าการจับจ่ายรวมออนไลน์และหน้าร้านจะเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ด้านบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล Facteus ระบุว่า ยอดขายออนไลน์โต 11.1% ส่วนยอดขายหน้าร้านลดลง 5.4% แต่เมื่อปรับค่าตามเงินเฟ้อ ยอดขายออนไลน์โตเพียง 8.5% และยอดขายหน้าร้านร่วงลง 8%
ทั้งนี้ เทศกาลแบล็กฟรายเดย์ซึ่งมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากวันขอบคุณพระเจ้า เป็นเทศกาลชอปปิ้งประจำปีที่ร้านค้าจะจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าครั้งใหญ่เพื่อกระตุ้นยอดขาย เดิมทีแล้วเป็นเทศกาลที่ขึ้นชื่อเรื่องการต่อคิวยาวเหยียดตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด แต่ปัจจุบันบรรยากาศการชอปปิ้งตามร้านเริ่มหายไปและถูกทดแทนด้วยการชอปปิ้งออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะโมบายล์ชอปปิ้งผ่านโทรศัพท์มือถือ