สภาทองคำโลกมอง ‘ราคาทองคำ’ ปี 68 โตช้าลง หวั่น ‘ทรัมป์ 2.0’ กดเศรษฐกิจโตต่ำคาด

สภาทองคำโลกมอง ‘ราคาทองคำ’ ปี 68 โตช้าลง หวั่น ‘ทรัมป์ 2.0’ กดเศรษฐกิจโตต่ำคาด

สภาทองคำโลกมอง ‘ราคาทองคำ’ ปี 2568 โตช้าลงหวั่น ‘ทรัมป์2.0’ กดเศรษฐกิจโตต่ำคาด หลังแบงก์ชาติจีน - ทั่วโลกซื้อเข้าคลังสำรอง ดันราคาทำนิวไฮปีนี้ สวนทางนักวิเคราะห์คาดแตะ 3,000 ดอลลาร์

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างถึงข้อมูลจาก สภาทองคำโลก (WGC) คาดว่า "ราคาทองคำ" จะปรับตัวสูงขึ้นช้าลงในปี 2568 หลังจากทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้

ราคาทองคำเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% ในปี 2567 สภาทองคำโลกกล่าวว่า แนวโน้มการเติบโตในปีหน้าอาจชะลอตัวลง เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นในสมัยประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" สมัยที่ 2 และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ซับซ้อน อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการทองคำจากนักลงทุน และผู้บริโภค

โลกจับตามองสหรัฐ เนื่องจากวาระที่สองของทรัมป์อาจเป็นทั้งโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่ก็อาจจุดชนวนความกังวลในระดับโลกสำหรับนักลงทุน

อย่างไรก็ดี ธนาคารหลายแห่งมองว่า ราคาทองคำยังมีแนวโน้มสูงขึ้น โดย Goldman Sachs คาดการณ์ว่าจะแตะ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2568 ขณะที่ UBS มองว่าจะอยู่ที่ 2,900 ดอลลาร์

ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นในต้นปี 2567 เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะจีน ซื้อทองคำจำนวนมาก และได้รับแรงหนุนจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่การแข็งค่าของดอลลาร์หลังการเลือกตั้งทรัมป์ ทำให้ราคาทองคำทรงตัว

WGC ระบุว่า การเคลื่อนไหวของจีนในตลาดทองคำเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ โดยเฉพาะนักลงทุนในเอเชียที่สนับสนุนราคาทองคำมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผู้บริโภคชาวจีนยังคงมีบทบาทที่สำคัญ แต่พฤติกรรมการซื้อทองคำของผู้บริโภคกลุ่มนี้จะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายการค้า และเศรษฐกิจของประเทศ

อ้างอิง Bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์