ต้อนรับปีใหม่ 2025 กับ 5 เรื่องใหญ่ต้องจับตา

ต้อนรับปีใหม่ 2025 กับ 5 เรื่องใหญ่ต้องจับตา

ปี 2024 ที่ได้ชื่อว่าเป็นปีแห่งการเลือกตั้งทั่วโลกผ่านพ้นไปแล้ว ปี 2025 มีเรื่องใหญ่ให้น่าจับตาครอบคลุมทั้งการเมือง กีฬา และบันเทิง งานใหญ่ตั้งแต่ต้นปีหนีไม่พ้นพิธีสาบานตนประธานาธิบดีสหรัฐ

  • ทรัมป์ 2.0

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า วันที่ 20 ม.ค. โดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 หลังจากเอาชนะคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตได้ 11 สัปดาห์ พิธีจะกระทำขึ้นที่หน้าอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน สถานที่ที่เมื่อสี่ปีก่อนผู้สนับสนุนทรัมป์เคยบุกเข้าไปก่อเหตุรุนแรงเพราะไม่ยอมรับว่าทรัมป์แพ้เลือกตั้งในปี 2020

 ทรัมป์ในวัย 78 ปี กลับคืนสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง แม้ถูกฟ้องร้อง 4 คดี ถูกดำเนินคดีอาญา 1 คดี และระหว่างหาเสียงเคยมีความพยายามลอบสังหารถึงสองครั้ง หากพิจารณารายชื่อคนที่ทรัมป์เลือกมาร่วมคณะรัฐมนตรี เช่น โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี ผู้ไม่เชื่อมั่นในวัคซีนจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอีลอน มัสก์ ร่วมเป็นหัวหน้าสำนักงานประสิทธิภาพรัฐบาล ชวนให้กังวลว่าทรัมป์สมัยสองจะส่งผลต่อสหรัฐและโลกอย่างไร

เจ้าตัวลั่นวาจาว่าจะทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ถอยห่างจากแนวคิดพหุภาคีนิยมหันไปหาการเมืองแบบใช้อำนาจ ส่วนประเด็นในประเทศ ทรัมป์ให้คำมั่นจะ “หยุดยั้งความบ้าคลั่งของคนข้ามเพศ” ตั้งแต่วันแรกที่เป็นประธานาธิบดี และเริ่ม “ปฏิบัติการเนรเทศคนลักลอบเข้าเมืองครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน” ทันที

  • สภาพภูมิอากาศ

ปี 2025 จะเป็นปีที่เราหยุดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกได้หรือไม่

นักวิจัยชี้ให้เห็นสัญญาณจากจีน ผู้ปล่อยมลพิษมากที่สุดในโลก 30% ของโลก โดยคาดการณ์ว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเชื้อเพลิงฟอสซิลของจีนจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในปีนี้

เกล็น ปีเตอร์ส จากโครงการคาร์บอนโลก กล่าวว่า การปล่อย CO2 โดยรวมจากการเผาไหม้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซทั่วโลกจะถึงจุดสูงสุดใน 2-3 ปีข้างหน้า

มลพิษคาร์บอนชนิดนี้เป็นตัวการหลักทำให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอันตรายขึ้นทุกที และแม้ถึงจุดสูงสุด อิญาชิโอ แอร์โรนิซ เวลาสโก จากกลุ่มคลังสมอง E3G เตือนว่า ประเทศทั้งหลายไม่สามารถ “เบามือ” ได้ และควรลดการปล่อยมลพิษลงอย่างรวดเร็วเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน

  • กระแสคลั่งไคล้ฟุตบอล

ปี 2025 น่าจะเกิดคำถามเรื่องที่นักฟุตบอลแข่งจนหมดแรงท่ามกลางตารางเตะเข้มข้น 32 ทีมที่ต้องดวลแข้งในศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 ต่างรอคอยนักเตะในช่วงฤดูร้อน ที่ปกติมักเป็นช่วงพักจากลีกประจำชาติ ส่วนการแข่งขันฟุตบอลโลกในปีถัดไปที่มีประเทศเข้าร่วมอีก 16 ประเทศ ทำให้ต้องแข่งกันถึง 104 นัดแทนที่จะเป็น 64 นัด

นอกจากนี้ยังมีประเด็นร้อนอื่นๆ ในวงการฟุตบอล เช่น การใช้เทคโนโลยี VAR, ความสัมพันธ์แบบเดี๋ยวรักเดี๋ยวเกลียดระหว่างนักเตะ แฟนคลับ และนักวิจารณ์

  • เทศกาลกุมภเมลา

เทศกาลของศาสนาฮินดูที่ยูเนสโกยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้เป็นการรวมมนุษยชาติครั้งใหญ่สุดบนผืนพิภพจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 ม.ค.ไปจนถึงปลายเดือน ก.พ.

งานจัดขึ้นทุกๆ สามปี หมุนเวียนกันไปในสี่ที่โดยจัดขึ้นในจุดที่แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์สามสาย คงคา ยมุนา และสรัสวตีมาบรรจบกันชาวฮินดูเชื่อว่า การลงไปแช่ในสังคัม (จุดบรรจบกันของแม่น้ำ) จะช่วยล้างบาปและบรรลุ “โมกษะ” หลุดพ้นจากวงจรการเกิดและตาย

  • โอเอซิส-บีทีเอส คืนเวที

หลังจากหยุดการแสดงไปด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันสุดขั้ว ข่าวโอเอซิสและบีทีเอสเตรียมคืนเวทีในปี 2025 สร้างความเบิกบานให้แฟนเพลงจำนวนมาก

โอเอซิสซึ่งนำทีมโดยพี่น้องตระกูลแกลลาเกอร์ เลียมและโนเอลเคยทะเลาะกันรุนแรงในปี 2009 จนต้องแยกทางกันไปถึง 15 ปี แตกต่างกันอย่างมากกับบีทีเอส บอยแบนด์ชื่อดังจากเกาหลีใต้ที่ต้องหยุดงานแสดงเพราะสมาชิกไปเป็นทหารเกณฑ์รับใช้ชาติ

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ พวกเขาจะได้รวมวงกันอีกครั้งในเดือน มิ.ย.2025 แฟนคลับหลายล้านคนต่างรอคอยซึ่งนั่นหมายถึงเม็ดเงินในอุตสาหกรรมบันเทิงมากมายหลายพันล้านดอลลาร์ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การแสดงและข่าวคราวของบีทีเอสจะทำให้การส่งออกวัฒนธรรมเกาหลีใต้มีพลังมากยิ่งขึ้นไปอีก