ภาคการผลิตจีนซึมหนัก ! หลัง PMI ธ.ค.ต่ำกว่าคาด สะท้อนมาตรการกระตุ้น ‘ไม่ถึงเครื่อง’
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) จีนเดือนธ.ค.อยู่ที่ 50.1 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 50.3 แม้ภาคบริการฟื้นตัวขึ้น แต่แรงกดดันด้านเงินฝืดยังคงอยู่ สะท้อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนยังไม่เพียงพอ ขณะที่นักวิเคราะห์มองปี 2024 เป็นปีแห่งการดิ้นรนของพญามังกร
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานวันนี้ (2 ธ.ค.) ว่า กิจกรรมภาคการผลิตของจีนในเดือนธ.ค.เติบโตต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนยังไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังซบเซา
สำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) อย่างเป็นทางการของจีนในเดือนธ.ค. 2024 อยู่ที่ 50.1 หน่วย
ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่รอยเตอร์สคาดการณ์ไว้ที่ 50.3 กิจกรรมส่วนภาคการผลิตอยู่ที่ 50.3 หน่วย ในเดือนพ.ย. และ 50.1 หน่วยในเดือนต.ค. โดยตัวเลข PMI ที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของกิจกรรม ในขณะที่ตัวเลขต่ำกว่านั้นชี้ถึงการหดตัว
สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุเพิ่มเติมว่า การผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ในภาคส่วนต่างๆ รวมถึงการแปรรูปอาหารการเกษตร อุปกรณ์ทั่วไป และอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ซีเอ็นบีซี รายงานว่า PMI นอกภาคการผลิตของจีน ซึ่งวัดกิจกรรมในอุตสาหกรรมบริการและการก่อสร้าง เพิ่มขึ้นเป็น 52.2 หน่วย ในเดือนธ.ค. เทียบกับ 50.0 ในเดือนก่อนหน้า
ซีเอ็นบีซี ระบุว่า จาก 21 อุตสาหกรรมที่สำรวจ พบว่า 17 อุตสาหกรรมมีกิจกรรมสูงกว่าเดือนก่อน ประกอบด้วยอุตสาหกรรมการบิน การขนส่ง และโทรคมนาคม ขณะที่อุตสาหกรรมก่อสร้างก็กลับมาขยายตัวเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง
"ผมคิดว่าหนึ่งในเหตุผลที่เดือนที่แล้วเราเห็น PMI นอกภาคการผลิตแกว่งตัวมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ PMI ภาคก่อสร้างลดลงมาก" ทอมมี ซี หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาคเอเชียของ OCBC กล่าว
ด้าน แลร์รี หู หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของกลุ่มแมคควอรี กล่าวว่า สำหรับเศรษฐกิจจีน ปี 2024 จะถูกจดจำว่าเป็น "ปีแห่งการดิ้นรนฝ่าฟัน"
"แรงกดดันด้านเงินฝืดยังคงอยู่ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีเพียงพอแค่ให้บรรลุเป้าหมาย GDP แต่ไม่เพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างเต็มที่"
เศรษฐกิจจีนแสดงสัญญาณการฟื้นตัวบางส่วนหลังจากมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายรายการตั้งแต่ปลายเดือนก.ย.
"โดยรวมแล้ว เรายังคงเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอยู่" ซีกล่าว พร้อมอธิบายเสริมว่า "จีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตประมาณ 5% สำหรับปีนี้ อาจจะประมาณ 4.9% ดังนั้นเราจึงเห็นการฟื้นตัวเล็กน้อยสำหรับปี 2024"
ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2024 และ 2025 เมื่อวันพฤหัสบดี สะท้อนถึงการปรับนโยบายล่าสุด ขณะนี้คาดว่า GDP ของจีนจะเติบโต 4.9% ในปี 2024 เทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 4.8% ในปี 2025
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดจากจีนบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกยังคงอยู่ในภาวะเงินฝืด ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากอุปสงค์ผู้บริโภคที่ซบเซาและการถดถอยที่ยืดเยื้อในตลาดอสังหาริมทรัพย์
อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคของจีนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบห้าเดือนในเดือนพ.ย. ในขณะที่ตัวเลขการส่งออกและนำเข้าของประเทศต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ข้อมูลยอดค้าปลีกล่าสุดก็ต่ำกว่าที่รอยเตอร์สคาดการณ์ไว้เช่นกัน
ขณะที่กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ โดยลดลง 7.3% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงการคลังจีนประกาศว่าจะเพิ่มการสนับสนุนด้านการคลังในปีหน้าเพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภค โดยจะขยายการแลกเปลี่ยนสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มเงินบำนาญ และเงินอุดหนุนประกันสุขภาพสำหรับประชาชน
ตามรายงานของรอยเตอร์ส ทางการจีนยังได้ตัดสินใจที่จะออกพันธบัตรคลังพิเศษมูลค่า 3 ล้านล้านหยวน (411 พันล้านดอลลาร์) ในปี 2025 ซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อเร่งความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
บทวิเคราะห์ของซีเอ็นบีซี รายงานทิ้งท้ายว่า จีนจะเผชิญความท้าทายที่มากขึ้นหากโดนัลด์ ทรัมป์ได้เข้าทำเนียบขาว การขู่ของทรัมป์ที่จะเพิ่มภาษีสินค้าจีนอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของจีนมากขึ้น ซึ่งกำลังเผชิญกับอุปสรรคทางการค้าที่เพิ่มขึ้นจากสหภาพยุโรปอยู่แล้ว
อ้างอิง: CNBC
