'ไบเดน' เตรียมแบน 'การพัฒนาพลังงานนอกชายฝั่ง' ขวางทรัมป์ดันอุตฯน้ำมัน-ก๊าซ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมแบนการพัฒนาโครงการน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่งแห่งใหม่ ตามแนวชายฝั่งของสหรัฐ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่อาจเป็นอุปสรรคต่อคำมั่นสัญญาส่งเสริมการผลิตพลังงานภายในประเทศของว่าที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์
ทำเนียบขาวเผยเมื่อวันจันทร์ (6 ก.ค.) ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะใช้อำนาจภายใต้กฎหมายที่ดินบริเวณไหล่ทวีปชั้นนอก (Outer Continental Shelf Lands Act) ที่มีมานาน 70 ปี เพื่อปกป้องน่านน้ำของรัฐบาลกลางนอกชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกทั้งหมด ทั้งอ่าวเม็กซิโกตะวันออก และพื้นที่บางส่วนของทะเลเบริงในอลาสกา
การห้ามพัฒนาโครงการพลังงานดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในมหาสมุทร 625 ล้านเอเคอร์
ไบเดนเผยว่า ความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับทั้งนโยบายด้านสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และสอดคล้องเป้าหมายการอนุรักษ์ที่ดินและแหล่งน้ำของสหรัฐ 30% ภายในปี 2030
นอกจากนี้ ไบเดนยังได้เล่าถึงเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลจากแท่นขุดเจาะดีพวอเทอร์ฮอไรซันในอ่าวเม็กซิโกเมื่อปี 2553 โดยบอกว่าศักยภาพการขุดเจาะที่ต่ำ และการแบน ยังไม่สามารถรองรับความเสี่ยงด้านสุขภาพของประชาชนและเศรษฐกิจจากการให้เช่าพื้นที่ในอนาคตได้
“มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง” ไบเดนระบุในแถลง
การประกาศมีขึ้นขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นว่าจะเปลี่ยนนโยบายการอนุรักษ์และนโยบายด้านสภาพอากาศของไบเดน เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนนี้
ทั้งนี้ ในรัฐบาลไบเดน ได้จำกัดการเช่าที่ดินและน่านน้ำของรัฐบาลกลางเพื่อทำโครงการน้ำมันและก๊าซ จากนั้นก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งภาครัฐและบริษัทขุดเจาะน้ำมันจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ตามการตัดสินของศาลในปี 2562 กฎหมายที่ดิน (ที่อนุญาตให้ปธน.ถอนพื้นที่จากการให้เช่าและการขุดเจาะแร่ต่างๆ) ไม่ได้ให้อำนาจทางกฎหมายแก่ปธน.ในการยกเลิกการสั่งห้ามก่อนหน้านี้
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นเพื่อตอบโต้ความพยายามของทรัมป์ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงกฎหมายการถอนพื้นที่ไม่ให้มีการขุดเจาะใดๆ ในอาร์กติก และแอตแลนติก ซึ่งเป็นกฎหมายที่ปธน.บารัก โอบามาบัญญัติไว้ตอนหมดวาระ
ทรัมป์ยังคงต้องใช้กฎหมายห้ามการขายสิทธิขุดเจาะในอ่าวเม็กซิโกตะวันออก นอกชายฝั่งฟลอริดาจนถึงปี 2575 ส่วนการตัดสินใจของไบเดนจะปกป้องพื้นที่ดังกล่าวโดยไม่มีกำหนดวันสิ้นสุด
ด้านกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซบอกว่า การตัดสินใจของไบเดน จะทำลายความมั่นคงด้านพลังงานของอเมริกัน และควรได้รับการเปลี่ยนแปลงจากสภาครองเกรส
อ้างอิง: Reuters