Facebook-Instagram ยกเลิก Fact-Checking ลดข้อจำกัดหัวข้อขัดแย้ง

Facebook-Instagram ยกเลิก Fact-Checking ลดข้อจำกัดหัวข้อขัดแย้ง

‘Meta’ ประกาศยกเลิกโปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จจริงในแพลตฟอร์ม และลดข้อจำกัดในการพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อที่มีความขัดแย้ง เช่น การอพยพ และอัตลักษณ์ทางเพศ เพื่อตอบสนองต่อเสียงวิจารณ์จากกลุ่มอนุรักษ์นิยม

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า “เมตา” (Meta) ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียแห่งสหรัฐได้ประกาศ “ยกเลิก” โปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือ “Fact-Checking” ในสหรัฐ และลดข้อจำกัดในการพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อที่มีความขัดแย้ง เช่น การอพยพและอัตลักษณ์ทางเพศ เพื่อตอบสนองต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มอนุรักษ์นิยม ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ชนะการเลือกตั้งกำลังเตรียมตัวเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ถือเป็นการปรับแนวทางการจัดการเนื้อหาทางการเมืองบนแพลตฟอร์มของ Meta ครั้งใหญ่ที่สุด และเกิดขึ้นในช่วงที่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของบริษัทฯ แสดงความตั้งใจที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามา

การเปลี่ยนแปลงนี้ จะส่งผลต่อ Facebook, Instagram และ Threads ซึ่งเป็นสามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีผู้ใช้งานรวมกันมากกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก 

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Meta ได้เลื่อนตำแหน่ง โจเอล แคปแลน ผู้บริหารด้านนโยบายจากพรรครีพับลิกัน ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ และในวันจันทร์ได้ประกาศแต่งตั้ง ดานา ไวท์ ซีอีโอของ Ultimate Fighting Championship และเพื่อนสนิทของทรัมป์เข้าร่วมคณะกรรมการบริษัท

“เรามาถึงจุดที่มีความผิดพลาดมากเกินไป และการเซ็นเซอร์มากเกินไป ถึงเวลาที่เราจะกลับไปสู่รากฐานเดิมของเราในเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นแล้ว” ซักเคอร์เบิร์กกล่าวในวิดีโอบน Facebook ของเขา

เขายอมรับว่า การเลือกตั้งสหรัฐครั้งล่าสุดมีบทบาทสำคัญต่อแนวคิดของเขา โดยกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้รู้สึกเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ที่กลับมาให้ความสำคัญกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง

เมื่อถูกถามถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ในงานแถลงข่าว ทรัมป์แสดงการยินดีและกล่าวว่า “พวกเขามาไกลมากแล้ว ชายคนนี้ (ซักเคอร์เบิร์ก) น่าประทับใจมาก”

เมื่อถูกถามว่าเขาคิดว่าซักเคอร์เบิร์กตอบสนองต่อคำขู่ของเขาหรือไม่ ซึ่งรวมถึงการให้คำมั่นว่าจะจับซีอีโอคนนี้เข้าคุก ทรัมป์ตอบว่า “ก็คงอย่างนั้น”

ไม่เพียงเท่านั้น ซักเคอร์เบิร์กเตรียมแทนที่โปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยระบบ “Community notes” ซึ่งคล้ายกับระบบที่ใช้ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ของอีลอน มัสก์

นอกจากนี้ Meta จะหยุดการสแกนเนื้อหาที่แสดงความเกลียดชังและการละเมิดกฎประเภทอื่น ๆ แบบเชิงรุก และจะตรวจสอบโพสต์ดังกล่าวก็ต่อเมื่อมีผู้ใช้รายงานเท่านั้น

ซักเคอร์เบิร์กกล่าวว่าจะมุ่งเน้นการใช้ระบบอัตโนมัติในการลบ “การละเมิดที่ร้ายแรงสูง” เช่น การก่อการร้าย การแสวงหาประโยชน์จากเด็ก การหลอกลวง และยาเสพติด

“บริษัทจะย้ายทีมที่ดูแลแนวทางการจัดการเนื้อหาจากรัฐแคลิฟอร์เนียไปยังรัฐเท็กซัสและสถานที่อื่น ๆ ในสหรัฐ” ซักเคอร์เบิร์กกล่าวเพิ่มเติม

แหล่งข่าวอีกแห่งกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า การควบคุมเนื้อหาส่วนใหญ่ของ Meta ในสหรัฐทำอยู่แล้วที่นอกรัฐแคลิฟอร์เนีย

อ้างอิง: reuters