โกลด์แมนคาด ‘หุ้นจีน’ พุ่ง 20% ปีนี้ ให้น้ำหนักหุ้นภาครัฐ ส่งออก และค้าปลีก
แม้ตลาดหุ้นจีนจะเผชิญแรงขายหนักในช่วงต้นปี แต่ ‘Goldman Sachs’ ยังคงมองโลกในแง่ดีต่อโอกาสในการเติบโต โดยคาดการณ์ว่าดัชนีหุ้นจีนจะพุ่งขึ้น 20% ภายในสิ้นปีนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักกลยุทธ์จากธนาคาร Goldman Sachs ยังคงยืนหยัดใน “มุมมองเชิงบวก” ต่อหุ้นจีน แม้จะเผชิญกับการเทขายอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าดัชนีหุ้นจีนจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ภายในสิ้นปีนี้
ทีมกลยุทธ์ Goldman Sachs ที่นำโดยคิงเกอร์ เลา คงคำแนะนำเป็น “ให้น้ำหนักมากกว่าปกติ” ทั้งหุ้นจีนในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากอัตราส่วน “ความเสี่ยงต่อผลตอบแทน” ยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยมองว่า บรรยากาศความเชื่อมั่นและสภาพคล่อง อาจเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2025 จากความชัดเจนที่เพิ่มขึ้นในเรื่องภาษีและนโยบาย
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของตลาด ดัชนี MSCI จีน ร่วงสู่ภาวะตลาดหมีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และ ดัชนี CSI 300 ร่วงลงมากกว่า 5% ในช่วง 7 วันแรกของการซื้อขายปี 2025 ซึ่งให้ผลตอบแทนที่แย่ที่สุดในช่วงเริ่มต้นปีนับตั้งแต่ปี 2016
อย่างไรก็ตาม Goldman ยังคงคำแนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นที่เป็นตัวแทนการบริโภคภาครัฐ ผู้ส่งออกในตลาดเกิดใหม่ที่ได้รับประโยชน์จากค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่คัดสรรไว้
นอกจากนี้ Goldman ระบุว่า ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นควรยังคงเด่นชัดจากการกระจายเงินสดที่สูงทำลายสถิติ และอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศที่ลดลง
ไม่เพียงเท่านั้น นักกลยุทธ์ยังคงแนะนำให้ลงน้ำหนักมากกว่าปกติสำหรับหุ้นกลุ่มค้าปลีกออนไลน์ สื่อ และสุขภาพ พร้อมทั้งปรับเพิ่มหุ้นกลุ่มบริการผู้บริโภค เป็นให้น้ำหนักมากกว่าปกติเช่นกัน
ด้าน ธนาคาร HSBC Holdings มีมุมมองเชิงบวกในทิศทางเดียวกัน โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า มีทัศนะเชิงบวกต่อหุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกง เนื่องจากนโยบายที่เอื้อประโยชน์ในจีนแผ่นดินใหญ่ และแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายน Goldman คาดการณ์ว่า หุ้นจีนอาจปรับตัวขึ้นประมาณ 20% ภายใน 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากทางการเพิ่มมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญปัญหา
อย่างไรก็ดี ดัชนี MSCI จีน ได้ลดลงประมาณ 10% ตั้งแต่นั้นมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโต ราคาสินค้าผู้ผลิตที่ลดลง และความเป็นไปได้ที่จะมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากสหรัฐ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน
อ้างอิง: bloomberg