‘หุ้นจีน’ ดิ่งหนักรับปี 2568 ทำผลงานแย่ที่สุดในรอบ 8 ปี
‘หุ้นจีน’ ปิดตลาดลดลง 2.9% ดิ่งหนักรับปี 2568 ทำผลงานแย่ที่สุดในรอบ 8 ปี หลังข้อมูลภาคการผลิตอ่อนแอ สะท้อนนักลงทุนกังวลเศรษฐกิจผันผวนในยุคทรัมป์ 2.0
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า “ตลาดหุ้นจีน” เริ่มต้นปี 2568 ที่เลวร้ายที่สุดในรอบเกือบ 8 ปี เนื่องจากนักลงทุนเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากข้อมูล การผลิตที่อ่อนแอกว่าคาดทำให้ ดัชนี CSI 300 ปิดตลาดลดลง 2.9% หนักสุดนับตั้งแต่ปี 2559 ส่วนดัชนีฮั่งเส็ง (HSCEI) ปิดตลาดร่วงลงถึง 3.1%
แม้ว่าตลาดหุ้นจีนจะเคยรายงานการเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีเมื่อปีที่แล้ว แต่การขาดทุนครั้งล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังคงเปราะบาง สะท้อนจากผลสำรวจของไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอล (Caixin/S&P Global) ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนปรับตัวลงสู่ระดับ 50.5 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 51.5 ในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 51.7 ประกอบกับปีนี้กำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจีนของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่ใกล้เข้ามายังคงเป็นปัจจัยกดดันสำคัญ
กังวลเศรษฐกิจ ‘เปราะบาง’
โฮมิน ลี นักวิเคราะห์จากลอมบาร์ด โอเดียร์ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับท่าทีระมัดระวังของนักลงทุนในช่วงต้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนของรัฐบาลจีนในช่วงปลายปีที่ผ่านมา การที่นักลงทุนยังคงมีความกังวลสะท้อนให้เห็นว่าโมเมนตัมการเติบโตของเศรษฐกิจจีนยังคงเปราะบาง และรัฐบาลจีนจำเป็นต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดในระยะกลาง
แม้ว่าดัชนีหุ้นจีนจะปรับตัวขึ้น 15% ในปีที่ผ่านมา แต่การเติบโตส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในช่วงปลายเดือนก.ย.67 จากนั้นตลาดหุ้นจีนเคลื่อนไหวในกรอบแคบ และขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ ที่จะผลักดันให้ตลาดปรับตัวขึ้น ซึ่งนักลงทุนเองก็ยังคงรอสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงิน และการคลังของรัฐบาลจีน เพื่อตัดสินใจในการลงทุนต่อไป
หลังจากการประชุมนโยบายการเงินครั้งสำคัญในเดือนธ.ค.67 จีนได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะเพิ่มการลงทุนภาครัฐ และกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศในปี 68 ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งใหญ่เพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะสงครามการค้ากับสหรัฐที่ยังคงเป็นปัจจัยกดดันสำคัญต่อภาคการส่งออกของจีน
แม้ว่าการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนในเดือนธันวาคม จะจุดประกายความหวังให้แก่นักลงทุนว่ารัฐบาลจะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนก็คาดการณ์ว่าการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจนี้อาจชะลอตัวลงในช่วงการประชุมสภานิติบัญญัติประจำปี หรือที่เรียกว่าการประชุม “สองสมัย" ในเดือนมี.ค.68
ระวังลงทุน 'หุ้นจีน'
ชารุ ชานานา นักวิเคราะห์จาก แซกโซมาร์เก็ตได้ให้คำแนะนำว่า นักลงทุนควรระมัดระวังในการลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับจีนในช่วงเวลานี้ และเตรียมความพร้อมสำหรับการปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ในปี 2568 ที่อาจมีความผันผวน
ก่อนหน้านี้ มอร์แกน สแตนลีย์ เผยแพร่รายงานเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.67 ระบุว่านักลงทุนสถาบันทั่วโลกได้ปรับลดการถือครองหุ้นจีนในเดือนพ.ย. ซึ่งถือเป็นการปรับทิศทางการลงทุนจากที่มีการไหลเข้าสุทธิอย่างต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อกัน แต่กลับมีการขายสุทธิในเดือนพ.ย.แทน รวมทั้งกองทุนที่เคยไม่มีการเคลื่อนไหวกลับมีเงินไหลออกเพิ่มมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความระมัดระวังของนักลงทุนที่มีต่อตลาดหุ้นจีนในช่วงเวลาดังกล่าว
ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ปีได้ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการเงินทุนในตลาดที่สูงขึ้น และก่อนหน้านี้ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ดำเนินการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2567 เพื่อบรรเทาปัญหาสภาพคล่องในระบบการเงิน
อย่างไรก็ตาม PBOC ยังคงระมัดระวังในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รุนแรง เนื่องจากต้องการรักษาอำนาจในการดำเนินนโยบายไว้ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการเมืองในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลับมาดำรงตำแหน่งของทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีน และสหรัฐ
อ้างอิง Blooomberg
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์