ทรัมป์ (สมัย) 2.0 กับเพื่อไทย (ปี) 2.0 | กันต์ เอี่ยมอินทรา

ทรัมป์ (สมัย) 2.0 กับเพื่อไทย (ปี) 2.0 | กันต์ เอี่ยมอินทรา

เทียบรัฐบาลทรัมป์ 2.0 กับรัฐบาลเพื่อไทยสมัย 2 การมีเป้าหมายอย่างแน่วแน่ว่าต้องพัฒนาเศรษฐกิจประเทศให้ดีขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มัดใจประชาชนทั้งประเทศได้

ภายในวันแรกที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ก็เซ็นคำสั่งมากมายตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับคนอเมริกันตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง

หลายคำสั่งไม่เพียงแต่จะยูเทิร์นทิศทางที่รัฐบาลก่อนดำเนินนโยบายมา เช่น การสนับสนุนพลังงานสะอาด แต่ยังสร้างผลกระทบกับสังคมในวงกว้าง เช่น นโยบายเพศสภาพที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม หรือแม้กระทั่งนโยบายที่สร้างความหวาดกลัวให้กับคนกลุ่มน้อยในสหรัฐ โดยเฉพาะผู้อพยพ แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างคะแนนนิยมและได้รับแรงสนับสนุนอย่างมากจากคนอเมริกัน นั่นคือ นโยบายพรมแดนที่เข้มงวดและการเนรเทศผู้อพยพที่ผิดกฎหมาย

ทั้งหมดทั้งมวลในเชิงนโยบายนั้นสามารถอภิปรายข้อดีข้อเสียดีเบทได้ ซึ่งกระบวนการนี้ก็ได้ผ่านไปแล้วในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่การเลือกตั้งคือการตัดสินใจของคนอเมริกันที่เชื่อมั่นในแนวทางของทรัมป์และมอบอำนาจให้ทรัมป์จัดการให้ลุล่วงตามคำมั่นสัญญา และนี่คือความสวยงามของประชาธิปไตย ที่ประชาชนมีสิทธิที่จะเลือก และรัฐบาลมีหน้าที่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน

ตัดภาพกลับมาที่ประเทศไทย หากใช้ภาษาผู้ดีที่ละมุนละม่อมที่สุดสามารถพูดได้ว่า ยังมีช่องว่างอีกมากระหว่างนโยบายที่รัฐบาลตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเคยหาเสียงไว้ กับการปฎิบัติให้ใช้ได้จริง อาทิ นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หน้าที่ของรัฐบาลแทนที่จะเป็นการจัดการให้นโยบายที่เคยหาเสียงไว้ให้ลุล่วงตามคำสัญญา กลับกลายเป็นคำอธิบายถึงอุปสรรคนานาประการว่าทำไมทำได้ช้าหรือทำไม่ได้เลยในบางกรณี

ในสหรัฐขณะนี้ประชาชนยังกำลังตื่นเต้นในช่วงฮันนีมูนของรัฐบาลใหม่ เพราะเบื่อหน่ายกับภาวะเงินเฟ้อข้าวยากหมากแพงในประเทศ สำหรับคนที่ติดตามการเมืองระหว่างประเทศก็อาจจะไม่ค่อยพอใจกับความวุ่นวายในโลกโดยเฉพาะสงครามในยูเครนและฉนวนกาซาที่กินเวลาเนิ่นนานเป็นปีๆ มีผู้เสียชีวิตมากมายเรือนหมื่น สำหรับคอการเมืองก็อาจจะรำคาญกับภาวะผู้นำของอดีตประธานาธิบดีไบเดน และพลพรรคที่พยายามช่วยปกปิดความบกพร่องไร้สมรรถภาพนั้นไว้

ตัดภาพกลับมาที่ประเทศไทย ที่รัฐบาลใหม่ (เศรษฐา-แพทองธาร) ได้บริหารงานรับช่วงต่อจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์มาปีกว่า แต่ภาวะข้าวยากหมากแพงยังคงดำเนินต่อไป เศรษฐกิจไม่ได้ดีขึ้นตามที่เคยโฆษณาหาเสียงไว้ รายได้รัฐไม่เป็นไปตามเป้าเพราะเศรษฐกิจไม่โต คุณภาพชีวิตคุณภาพสังคมแย่ลง ทั้งแก๊ง Call center อาละวาด ทั้งมลพิษทางอากาศแย่

ขณะนี้ทั่วโลกต่างจับตาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในยุคของทรัมพ์ที่ขู่จะขึ้นกำแพงภาษี นโยบาย America First ที่มุ่งเน้นผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ซึ่งตลกร้ายก็คือจริงๆ อเมริกาทำเช่นนั้นมานานมากแล้ว เพียงแต่ไม่โจ่งแจ้ง การถอนตัวของสนธิสัญญาปารีสที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับภูมิอากาศและภาวะเรือนกระจก และที่สำคัญที่สุดคือความมั่นคงในโลก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์

ตัดภาพกลับมาที่ประเทศไทย ที่ไทยเรามีนโยบายต่างประเทศที่ค่อนข้างสนิทชิดเชื้อกับจีนอย่างมากตั้งแต่ช่วงรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ปัญหาความรุนแรงและสงครามกลางเมืองในเมียนมาที่ไทยสามารถทำหน้าที่สร้างบทบาทได้มากกว่าที่เป็นการไร้ความสามารถในการร่วมมือกับเพื่อนบ้านในเรื่องของอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีฐานซ่องสุมอยู่รายรอบชายแดนไทยและมุ่งเป้าหมายเหยื่อคนไทย หรือแม้กระทั่งความร่วมมือในเชิงสังคมเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างกรณีฝุ่นพิษ พูดได้ว่ายังมีช่องว่างให้พัฒนาปรับปรุงอยู่มาก

ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนฉลาด รู้ว่าสิ่งที่เข้าถึงหัวใจคนอเมริกันมากที่สุดคือเรื่องปากท้องและความมั่นคงในชีวิต เรื่องอื่นๆอาทิเรื่องทางสังคมคือประเด็นรอง หากทำเศรษฐกิจให้ดี ทำสังคมให้มั่นคงปลอดภัย นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะเอาชนะใจคนอเมริกัน แบบที่ทรัมป์สามารถชนะเลือกตั้งมาได้ เช่นเดียวกับไทย ที่หากรัฐบาลสามารถทำให้เศรษฐกิจดี ชีวิตทรัพย์สินมีความมั่นคง ก็จะได้ใจคนไทยและจะชนะเลือกอย่างถล่มทลายอย่างในอดีต