‘ทรัมป์’ พบ ‘กษัตริย์จอร์แดน’ ยืนยันสหรัฐต้องครอบครองกาซา

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พบ สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอฮ์ที่ 2 แห่งจอร์แดน หารือทางออกกาซา แต่ทรัมป์ยังคงยืนกราน สหรัฐจะเข้าครอบครองกาซา ขณะที่กษัตริย์จอร์แดนขอให้รออียิปต์เสนอทางออกบ้าง
สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอฮ์ที่ 2 แห่งจอร์แดน เสด็จเยือนกรุงวอชิงตันดีซี เมืองหลวงสหรัฐ เพื่อพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และหารือเกี่ยวกับทางออกในการฟื้นฟูกาซา ซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงทั่วโลก หลังจากปธน.สหรัฐต้องการเข้าครอบครองกาซา
กษัตริย์อับดุลลอฮ์แห่งจอร์แดนทรงเป็นผู้นำอาหรับคนแรกที่พบกับทรัมป์ในทำเนียบขาว นับตั้งแต่ประธานาธิบดีสหรัฐเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค.
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ในการหารือ ณ ห้องทำงานรูปไข่เมื่อวันอังคาร (11 ก.พ.) ทรัมป์ยังคงยืนกรานให้สหรัฐเข้าควบคุมฉนวนกาซา และส่งสัญญาณว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงแนวคิดดังกล่าวที่ถูกประณามจากทั่วโลก
“เราจะยึดครอง เราจะรักษาไว้ เราจะถนอมมันอย่างดี” ทรัมป์กล่าวถึงกาซา และว่า “จะมีการสร้างงานจำนวนมาก” ทั่วทั้งภูมิภาค หากสหรัฐเข้าครอบครองดินแดนที่ถูกทำลายล้างนี้
“ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นเพชรก็ได้” ทรัมป์กล่าว พร้อมเสริมว่าตอนนี้เขาเชื่อว่าสหรัฐอยู่ “เหนือกว่า” ในการกดดันประเทศอื่นๆ ให้เข้าร่วมแนวคิดดังกล่าว และทรัมป์คาดหวังว่าจอร์แดนและอียิปต์จะมีส่วนร่วมในการให้ที่พักพิงแก่ชาวปาเลสไตน์ที่อพยพเข้าไป
“ผมเชื่อว่าเราจะมีที่ดินสักที่หนึ่งในจอร์แดน ผมเชื่อว่าเราจะมีที่ดินอีกที่หนึ่งในอียิปต์ และเราอาจจะมีที่อื่นๆอีก แต่ผมคิดว่าเมื่อเราเจรจากันเสร็จแล้ว เราจะมีสถานที่ที่พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและปลอดภัยมากๆ สักแห่ง” ทรัมป์กล่าว
ด้านกษัตริย์จอร์แดนทรงนิ่งเงียบ ขณะที่ทรัมป์ย้ำถึงข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งอาจพลิกโฉมนโยบายที่สหรัฐเคยวางไว้หลายสิบปี และอาจเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศที่ห้ามให้มีการโยกย้ายประชากรด้วยการใช้กำลัง
ภายหลังการประชุมกษัตริย์อับดุลลาห์ตรัสว่า “จุดยืนที่มั่นคงของจอร์แดนคือการต่อต้านการอพยพของชาวปาเลสไตน์”
การประชุมดังกล่าวถือเป็นการประชุมครั้งแรกของสองผู้นำ นับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศข้อเสนอเข้าซื้อกาซา และให้ย้ายประชาชนชาวปาเลสไตน์ราว 2 ล้านคน ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงจอร์แดนด้วย และเมื่อต้นสัปดาห์ทรัมป์กล่าวว่าอาจระงับความช่วยเหลือแก่จอร์แดนและอียิปต์ถ้าทั้งสองประเทศไม่ตกลงรับชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซาเพิ่มเติม
จอร์แดน ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญของสหรัฐในตะวันออกกลาง มีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่แล้วหลายล้านคน และยังเป็นประเทศที่รองรับผู้ลี้ภัยจากซีเรียจำนวนมาก ทั้งยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการทหารจากสหรัฐอย่างมากเช่นกัน
จนถึงขณะนี้จอร์แดนยังคงปฏิเสธแนวคิดของทรัมป์โดยมองว่าแนวคิดของทรัมป์เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศขั้นร้ายแรง และได้แสดงความกังวลอย่างเงียบๆ เกี่ยวกับความสามารถของประเทศในการรองรับชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก
ส่วนประเด็นความเป็นไปได้ในการรับชาวปาเลสไตน์เพิ่มเติม กษัตริย์อับดุลลอฮ์ตรัสว่า จำเป็นต้องมีทางออกที่ “ดีที่สุดสำหรับทุกคน” และตรัสว่า จอร์แดนอาจรับเด็กชาวปาเลสไตน์ที่ป่วย 2,000 คน
นอกจากนี้กษัตริย์อับดุลลอฮ์ทรงโพสต์ในแพลตฟอร์ม X หลังจากหารือกับทรัมป์ด้วยว่า การสนทนาระหว่างพระองค์กับทรัมป์นั้น “สร้างสรรค์” แต่ราชอาณาจักรของพระองค์ยังคงกังวลเกี่ยวกับข้อเสนอของทรัมป์
“ข้าพเจ้าขอเน้นย้ำจุดยืนที่มั่นคงของจอร์แดนต่อการอพยพชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์ นี่คือจุดยืนของอาหรับที่เป็นหนึ่งเดียวการสร้างฉนวนกาซาขึ้นใหม่โดยไม่ต้องอพยพชาวปาเลสไตน์ และแก้ไขสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้าย ควรเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับทุกคน”
ด้าน“อียิปต์”ปฏิเสธแนวคิดของทรัมป์ที่จะขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซาอย่างเด็ดขาด โดยกระทรวงต่างประเทศของอียิปต์แถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ (10 ก.พ.) ว่า อียิปต์ตั้งใจที่จะเสนอแผนที่มี “วิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมสำหรับการฟื้นฟูฉนวนกาซา และต้องรับประกันว่าชาวปาเลสไตน์จะยังคงอาศัยอยู่ในดินแดนของตนต่อไปตามสิทธิทางกฎหมายของพวกเขา”
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุด้วยว่า อียิปต์มี “ความปรารถนา” ที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลทรัมป์ตามแผนของตน แต่ย้ำว่าการแทรกแซงใดๆ จากต่างชาติควร “หลีกเลี่ยงการทำลายสันติภาพ” ด้วย
ขณะที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนว่า การบังคับพลเรือนให้อพยพออกจากดินแดนที่ถูกยึดครองนั้นเป็นข้อห้ามอย่างเคร่งครัดภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และถือเป็นการกระทำเทียบเท่ากับ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับคำเตือนของยูเอ็น ทรัมป์พยายามตอบหลบเลี่ยง โดยบอกเพียงว่าแนวคิดดังกล่าวคือการช่วยให้ชาวปาเลสไตน์ได้อาศัยอยู่ในสถานที่ที่สวยงาม สถานที่ที่พวกเขาสามารถมีบ้านใหม่และอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัย มีแพทย์และมีบริการการรักษา และมีทุกๆ อย่าง
ด้านกษัตริย์อับดุลลอฮ์ทรงยืนยันระหว่างประชุมกับทรัมป์ว่า จะมีการหารือประเด็นนี้ต่อไป พร้อมตรัสว่าทั้งสองฝ่ายควรรอเวลาจนกว่าอียิปต์จะเสนอแนวคิดบ้าง
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าข้อตกลงจากอียิปต์อาจเป็นการเสนอเกี่ยวกับการปกครองกาซาในอนาคตที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอาหรับ ซึ่งจะเป็นแนวทางต่อต้านแผนการของทรัมป์ และแผนดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการบริหารท้องถิ่นจากกลุ่มข้าราชการหรือนักวิชาการที่ได้รับการคัดเลือกมาจากชาวปาเลสไตน์ในกาซา และไม่เป็นผู้ที่อยู่ในสังกัดกลุ่มต่างๆ รวมถึงฮามาส
อ้างอิง: BBC