เฟดคงอัตราดอกเบี้ย คาดจะลดดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้

ธนาคารกลางสหรัฐ ตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในวันพุธ แต่ยังคงระบุมีแนวโน้มที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงที่เหลือของปี ลดประมาณการ การเติบโตทางเศรษฐกิจลง
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในวันพุธ(19 มี.ค.68) ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด แต่ยังคงระบุว่ามีแนวโน้มว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงที่เหลือของปีนี้
เมื่อเผชิญกับความกังวลอย่างเร่งด่วนเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีศุลกากรที่มีต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัว คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดจึงคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หลักไว้ที่ 4.25%-4.5% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่คงอยู่ตั้งแต่เดือนธันวาคม ก่อนหน้านี้ตลาดได้คาดไว้ว่าแทบไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงใดๆ ในการประชุมนโยบายสองวันในสัปดาห์นี้
พร้อมกับการตัดสินใจดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้อัปเดตอัตราดอกเบี้ย และการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจสำหรับปีนี้ และตลอดปี 2027 และปรับเปลี่ยนแผนการลดการถือครองพันธบัตร
แม้ว่าภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายการเงินที่ทะเยอทะยานอย่างการลดหย่อนภาษี และการยกเลิกกฎระเบียบ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า พวกเขายังเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% ในปี 2025 เฟดมักจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% แต่ละครั้ง ซึ่งหมายความว่าในปีนี้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง
นักลงทุนรู้สึกพอใจที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอาจเกิดขึ้น โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้นมากกว่า 400 จุดหลังจากมีการตัดสินใจดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในงานแถลงข่าว เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวว่า ธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยสูงไว้ ตามสภาวะทางเศรษฐกิจ
“หากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อไม่ขยับอย่างยั่งยืนเข้าสู่ 2% เราก็สามารถรักษาระดับนโยบายที่เข้มงวดไว้ให้ยาวนานขึ้น” เขากล่าว “หากตลาดแรงงานอ่อนแอลงอย่างไม่คาดคิด หรืออัตราเงินเฟ้อลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ เราก็สามารถผ่อนปรนนโยบายได้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์”
ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น
ในแถลงการณ์หลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ระบุถึงระดับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน
เอกสารดังกล่าวระบุว่า “ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น คณะกรรมการให้ความสำคัญกับความเสี่ยงต่อทั้งสองฝ่ายจากภารกิจคู่ขนาน”
เฟดมีหน้าที่สองประการคือ รักษาระดับการจ้างงานเต็มที่ และเงินเฟ้อต่ำ
ในงานแถลงข่าว พาวเวลตั้งข้อสังเกตว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง และคาดว่าภาษีศุลกากรอาจเพิ่มแรงกดดันให้ราคาสินค้าสูงขึ้น แนวโน้มเหล่านี้อาจส่งผลให้คณะกรรมการมีมุมมองทางเศรษฐกิจที่ระมัดระวังมากขึ้น แต่พาวเวลมองว่า แรงกดดันเงินเฟ้อจากภาษีจะเป็นเรื่องชั่วคราว
เฟดได้ปรับลดมุมมองโดยรวมสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และปรับเพิ่มการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ เจ้าหน้าที่มองว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเพียง 1.7% ในปีนี้ ซึ่งลดลง 0.4 จุดจากการคาดการณ์ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม ในด้านอัตราเงินเฟ้อ คาดว่าเงินเฟ้อพื้นฐานจะเติบโตในอัตรา 2.8% ต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.3 จุดจากการประมาณการครั้งก่อน
ในขณะนี้ เฟดยังคงคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในช่วงที่เหลือของปี 2025 ตามการคาดการณ์ค่ามัธยฐาน แม้ว่าแนวโน้มเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
จากการคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่เฟด หรือ แผนภาพจุด (dot plot) ระบุว่าสมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐจำนวน 19 ราย ทั้งผู้มีสิทธิออกเสียง และผู้ไม่มีสิทธิออกเสียง มองว่าอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของเฟดจะอยู่ที่ 3.9% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเทียบเท่ากับช่วงเป้าหมายที่ 3.75% ถึง 4% ธนาคารกลางยังคงอัตราดอกเบี้ยหลักไว้เท่าเดิมในช่วงระหว่าง 4.25% ถึง 4.5% ในวันพุธ
อย่างไรก็ตาม มุมมองของพวกเขายังคงมีแนวโน้มที่เข้มงวดมากขึ้นในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย โดยสมาชิก 4 รายไม่เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงในปี 2025 ในการประชุมเดือนมกราคม มีเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะไม่เปลี่ยนแปลงในปีนี้
สำหรับปีต่อๆ ไป เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปี 2026 และอีกครั้งในปี 2027 ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ประมาณ 3% ในระยะยาว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์