หุ้น ‘เบิร์กไชร์ แฮธะเวย์’ พุ่งหนุนตลาดหุ้นสหรัฐปิดแดนบวก
ดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พีของตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดตลาดแดนบวก ผลจากหุ้น “เบิร์กไชร์ แฮธะเวย์” ทะยานหนุนหุ้นกลุ่มการเงินวงกว้าง ขณะที่หุ้น "แอ๊ปเปิ้ล" และ "อเมซอน" ดิ่งกว่า 2%
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดการซื้อขายวันจันทร์ (5 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น เพิ่มขึ้น 190.87 จุด มาอยู่ที่ 25,461.70 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดทะยาน 0.6% มาอยู่ที่ 2,738.31 จุด
ราคาหุ้นคลาสบีของบริษัทเบิร์กไชร์ แฮธะเวย์ เพิ่มขึ้น 4.7% หลังยักษ์ใหญ่การลงทุนของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชื่อดัง เผยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้ซื้อหุ้นคืนเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค.
หุ้นกลุ่มการเงินทะยาน 1.4% ขณะที่หุ้น “ซิตี้กรุ๊ป” และ “แบงก์ออฟอเมริกา” เพิ่มขึ้น 2.1% และ 0.6% ตามลำดับ ส่วน “เจพี มอร์แกน เชส” ทะยาน 0.7%
อย่างไรก็ตาม ดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 0.4% มาอยู่ที่ 7,328.85 จุด เนื่องจากหุ้นของ 2 ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่าง “แอ๊ปเปิ้ล” และ “อเมซอน” ดิ่งกว่า 2%
ราคาหุ้นแอ๊ปเปิ้ลร่วงหลังบริษัทโรเซนแบลตต์ ซีเคียวริตีส์ ปรับลดความน่าเชื่อถือหุ้นผู้ผลิตไอโฟน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่ายอดขายไอโฟนจะลดลง นับเป็นการถูกปรับลดความน่าเชื่อถือครั้งที่ 2 ของแอ๊ปเปิ้ลนับตั้งแต่บริษัทเผยรายงานผลประกอบการรายไตรมาสล่าสุด
ขณะที่หุ้นของอเมซอนร่วงหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ประกาศว่ารัฐบาลกำลังตรวจสอบว่ายักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซรายนี้ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดหรือไม่
ขณะเดียวกัน ตลาดวอลล์สตรีทยังจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันอังคาร (6 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งอาจสร้างแรงกระเพื่อมทั่วทั้งตลาดทุน
หลายฝ่ายคาดว่า พรรคเดโมแครตจะกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาล่างอีกครั้ง ขณะที่พรรครีพับลิกันจะยังครองเสียงข้างมากในสภาสูง หากผลการเลือกตั้งออกมาเช่นนี้คาดว่าจะเป็นบวกกับตลาดอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หากพรรครีพับลิกันยังครองเสียงข้างมากใน 2 สภาเช่นเดิม อาจช่วยหนุนหุ้นในระยะสั้น เนื่องจากมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะมีการปรับลดภาษีเพิ่มเติม แต่หากพรรคเดโมแครตชนะแบบขาดลอย อาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น เนื่องจากอาจทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นบางนโยบายของพรรครีพับลิกันถูกตีกลับ