ผลสำรวจเผยบริษัทในเอเชียใช้เทคโนโลยี‘เอไอ’น้อย

ผลสำรวจเผยบริษัทในเอเชียใช้เทคโนโลยี‘เอไอ’น้อย

ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มีแนวโน้มจะเร่งให้เกิดนวัตกรรมในเอเชียแปซิฟิกในไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ปัจจุบันมีบริษัทไม่ถึงครึ่งหนึ่งในภูมิภาคที่ใช้เทคโนโลยีนี้

รายงานจาก “ไมโครซอฟท์” บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ และ “อินเตอร์เนชันแนล ดาต้า คอร์ปอเรชัน” (ไอดีซี) บริษัทวิจัยข้อมูล ชี้ว่าแม้บรรดาผู้มีอำนาจตัดสินใจในบริษัทส่วนใหญ่ที่ตอบแบบสำรวจเห็นด้วยว่าเอไอมีความสำคัญในการช่วยให้ตัวเองยังคงแข่งขันกับบริษัทอื่น ๆ ได้ แต่มีเพียง 41% ของบริษัทในภูมิภาคที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเอไอ

ราล์ฟ ฮอปเตอร์ ประธานไมโครซอฟท์ เอเชีย กล่าวว่า หนึ่งในอุปสรรคหลักที่ทำให้บริษัทในเอเชียใช้เอไอไม่มากเท่าที่ควรคือ การขาดแคลนทักษะด้านนี้

“ผมคิดว่าณ ขณะนี้ เป็นเรื่องของการขาดแคลนทักษะ และการเริ่มต้นก้าวแรกในการใช้เทคโนโลยีนี้” ฮอปเตอร์เผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี วานนี้ (20 ก.พ.)

รายงานดังกล่าวชี้ว่า แม้บริษัทส่วนใหญ่ระบุว่าเต็มใจที่จะลงทุนและฝึกอบรมแรงงาน แต่หลายบริษัทยังไม่มีเวลาและความเข้าใจว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหน ผู้ตอบแบบสำรวจบางส่วนระบุด้วยว่า ไม่มีโครงการฝึกอบรมที่เหมาะสมกับตน

ก่อนหน้านี้ “แมคคินซีย์” บริษัทที่ปรึกษาชื่อดัง รายงานว่า ระบบอัตโนมัติจะกระตุ้นความต้องการด้านทักษะเทคโนโลยีขั้นสูง เช่นเดียวกับทักษะทางความคิดที่สูงขึ้น เช่น การคิดเชิงวิเคราะห์ ความสร้างสรรค์ และการประมวลข้อมูลที่ซับซ้อน ขณะที่ความต้องการด้านทักษะทางกายภาพและการใช้แรงงานมีแนวโน้มจะลดลง

อย่างไรก็ตาม ฮอปเตอร์กล่าวว่า การมองว่าเอไอเป็นภัยคุกคามต่อตำแหน่งงาน ทำให้ความอยากรู้อยากลองเทคโนโลยีนี้เปลี่ยนแปลงไป

“ปัจจุบัน ผู้คนกำลังเข้าใจว่าเอไอจะเป็นวิธีเพิ่มตำแหน่งงานและสั่งสมประสบการณ์ รวมถึงขจัดส่วนที่ไม่มีประโยชน์ออกไป” ฮอปเตอร์กล่าวกับซีเอ็นบีซี และว่า “ผมคิดว่าเรากำลังอยู่บนเส้นทางที่ดีมากในการทำให้เอไอสร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อสังคม”

รายงานชื่อ “ธุรกิจที่พร้อมรับอนาคต: ประเมินศักยภาพการเติบโตของเอเชียผ่านเอไอ” (Future Ready Business: Assessing Asia's Growth Potential Through AI)ของไมโครซอฟท์และไอดีซี สำรวจความคิดเห็นบรรดาผู้นำธุรกิจและแรงงานใน 15 ประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก

นอกจากนั้น นวัตกรรม ขีดความสามารถในการแข่งขัน การมีส่วนร่วมของลูกค้า ส่วนต่างกำไรที่สูงขึ้น และผลิตภาพของลูกจ้าง เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ทำให้บริษัทหันมาใช้เทคโนโลยีเอไอ

“เอเชียแปซิฟิกยังไม่พร้อมสำหรับเอไอในตอนนี้” วิกเตอร์ ลิม รองประธานฝ่ายปฏิบัติการให้คำปรึกษาของไอดีซี กล่าว และเสริมว่า ธุรกิจจำเป็นต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีนี้ ซึ่งอาจจะไม่ให้ผลประโยชน์กลับมาเสมอไป

ลิม ระบุอีกว่า มีความต้องการเร่งด่วนสำหรับบุคลากรที่มีความสามารถและเครื่องมือในการพัฒนา ติดตั้ง และดูแลรูปแบบของเอไอ รวมไปถึงความพร้อมใช้งานของโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลกับระบบจัดการที่เพียงพอ

ปัจจุบัน จีน ได้ผลักดันอุตสาหกรรมเอไออย่างหนัก ผ่านการลงทุนมหาศาลทั้งภาครัฐและเอกชนในเทคโนโลยีนี้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลปักกิ่งยังตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเอไอภายในปี 2573

“ผมคิดว่าจีนมีความสามารถรองรับวิศวกรรมและทักษะต่าง ๆ ล้นเหลือ” ฮอปเตอร์กล่าว และบอกว่า ความก้าวหน้าครั้งสำคัญบางส่วนของไมโครซอฟท์เกี่ยวกับบริการสมองกล การจดจำวัตถุและคำพูด ต่างมาจากทีมวิจัยและพัฒนาของบริษัทในจีน