‘โบอิง’ กำไรวูบ 13% หลังวิกฤติ ‘737 แม็กซ์’
“โบอิง” ผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ เผยผลกำไรร่วงกว่า 13% ไตรมาสแรก หลังเผชิญวิกฤติเครื่องบินรุ่น 737 แม็กซ์ตก 2 ครั้งห่างกันไม่ถึงครึ่งปี
บริษัทโบอิงของสหรัฐ รายงานผลประกอบการไตรมาสแรก วันนี้ (24 เม.ย.) ว่า ผลกำไรของบริษัทลดลง 13.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 2,100 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ลดลง 2% มาอยู่ที่ 2.29 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากความซบเซาของรายได้เครื่องบินพาณิชย์ หลังมีการระงับส่งมอบเครื่องบินรุ่น 737 แม็กซ์ในหลายประเทศ
นอกจากนั้น โบอิงยังยกเลิกคาดการณ์ผลกำไรทั้งปีของบริษัท เพราะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเครื่องรุ่น 737 แม็กซ์
ยักษ์ใหญ่ด้านอากาศยานรายนี้กำลังถูกตรวจสอบอย่างหนัก นับตั้งแต่เหตุการณ์เครื่องบินสายการบินเอธิโอเปีย แอร์ไลน์สตกในเอธิโอเปีย เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังเหตุเครื่องบินสายการบินไลอ้อนแอร์ตกในอินโดนีเซีย เมื่อเดือนต.ค. 2561
“บริษัทอาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์จากการระงับส่งมอบเครื่องบินรุ่น 737 แม็กซ์ทั่วโลก” โบอิงระบุ และเสริมว่า บริษัทมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับระบบป้องกันการหยุดชะงักของเครื่องบินที่คาดว่าเป็นสาเหตุให้เครื่องบินตกทั้ง 2 ครั้ง
"เราได้ทำการทดสอบระบบดังกล่าวกับเที่ยวบินทดสอบแล้วราว 135 ครั้ง และบริษัทกำลังทำงานร่วมกับทางการและสายการบินทั่วโลก"
เมื่อต้นเดือนนี้ โบอิงได้ประกาศลดการผลิตเครื่องบินรุ่น 737 แม็กซ์ลงราว 20%