‘ม็อบฮ่องกง’ สวมหน้ากากชุมนุมท้าทายคำสั่ง ‘แคร์รี่ หล่ำ’
ผู้ชุมนุมหลายพันคนพากันใส่หน้ากาก-ตบเท้าออกมาชุมนุมในวันเสาร์ ตามนัดหมายในหลายพื้นย่านแหล่งช้อปปิ้งทั่วเกาะฮ่องกง โดยไม่สนใจรัฐบาลสั่งห้าม
กลุ่มผู้ประท้วงชาวฮ่องกงนับพันคนทยอยเดินทางมารวมตัวยังศูนย์กลางแหล่งช้อปปิ้งแห่งใหญ่ในเขตคอสเวย์เบย์ ซึ่งเป็นไปตามเวลานัดหมายของการชุมนุมในวันนี้ ( 5 ต.ค.) เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เช่นเดียวกันกับที่มีรวมตัวชุมนุมในย่านจิมซาจุ่ย ซิงยี่ ซุ่ยหว่าน ซาติน และซุ่ยกวาน
“แม้ว่าเราจะไม่มั่นใจว่า เจ้าหน้าตำรวจจะมีวิธีจัดการอย่างไรกับผู้ชุมนุมในภายหลัง รู้เพียงแต่ว่า พวกเราต้องออกมาใช้สิทธิแสดงพลังเรียกร้องประชาธิปไตย” หนึ่งในผู้ประท้วง วัย 22 ปีกล่าว ซึ่งเขาได้สวมใส่หน้ากากและแว่นตากันแดดสีดำเพื่อปกปิดและอำพรางตัวเอง
ผู้ประท้วงคนดังกล่าวยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องเรียนรู้ว่า การออกคำสั่งห้ามผู้ชุมนุมประท้วง ไม่สามารถจัดการกับประชาชนฮ่องกงได้ ยิ่งจะส่งผลให้การประท้วงมีความรุนแรงมากขึ้น ขยายประเด็นจากการคัดค้านร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ กลายเป็นขบวนการประชาธิปไตยในวงกว้าง
นางแคร์รี หล่ำ ผู้ว่าเขตปกปครองพิเศษฮ่องกง ตัดสินใจใช้อำนาจฉุกเฉิน โดยออกมาตรการห้ามผู้ชุมนุมประท้วง ใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าในที่สาธารณะ มีผลวันเสาร์นี้ (5 ต.ค.)
สำหรับผู้ใดฝ่าฝืนมาตรการห้ามสวมหน้ากาก จะถุกลงโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี หรือปรับ 2.5 หมื่นดอลลารฮ่องกง ( ราว 9.5 หมื่นบาท ) แต่มีข้อยกเว้นให้สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้หน้ากาก เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน เหตุผลทางศาสนา หรือสุขภาพ
ทั้งนี้ หน้ากากปิดหน้า กลายเป็นสัญลักษณ์การต่อต้านขัดขืนของผู้ประท้วง เพื่อป้องกันการถูกระบุตัวตน หรือการถูกแก้แค้นในภายหลัง เช่น กรณีจีนกดดันภาคธุรกิจ อย่างคาเธย์แปซิฟิก ให้ปลดพนักงานหากรู้ว่าไปร่วมประท้วง
ด้าน นางแครี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเกาะฮ่องกงออกแถลงการณ์ประณามกลุ่มผู้ประท้วงว่าเป็นผู้ก่อการจลาจล หลังจากเมื่อคืนนี้ เกิดการประท้วงอย่างรุนแรงตลอดทั้งคืน ผู้นำฮ่องกงระบุว่า ผู้ประท้วงทำให้ฮ่องกงต้องตกอยู่ในความน่ากลัวและกลายเป็นอัมพาต ทุกคนต่างรู้สึกวิตกกังวล
อย่างไรก็ตาม รถไฟใต้ดินทุกสายต้องปิดให้บริการมาตั้งแต่กลางดึกของคืนวันศุกร์ต่อเนื่องจนถึงขณะนี้