‘ทรัมป์’ ลั่นพร้อมถล่มเป้าหมาย 52 จุดในอิหร่าน
“โดนัลด์ ทรัมป์” เตือน พร้อมถล่มเป้าหมาย 52 แห่งในอิหร่าน “อย่างหนักหน่วงและรวดเร็ว” หากอีกฝ่ายโจมตีเจ้าหน้าที่อเมริกันและผลประโยชน์ของสหรัฐในตะวันออกกลาง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ทวีตเมื่อวันเสาร์ (4 ม.ค.) ว่า รัฐบาลวอชิงตันกำลังระบุเป้าหมาย 52 แห่งในอิหร่าน และจะโจมตีอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง หากรัฐบาลเตหะรานโจมตีเจ้าหน้าที่หรือผลประโยชน์ของสหรัฐ
ผู้นำสหรัฐระบุว่า เป้าหมายบางแห่งในจำนวนนี้ “มีความสำคัญอย่างมาก” ต่ออิหร่านและวัฒนธรรมของอิหร่าน พร้อมเตือนว่า “สหรัฐไม่ต้องการเจอการคุกคามมากกว่านี้!”
นายทรัมป์อธิบายว่า การกำหนดเป้าหมาย 52 แห่งเพื่อให้เท่ากับจำนวนพลเมืองอเมริกันที่เคยถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ภายในสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐที่กรุงเตหะราน เป็นเวลานานถึง 444 วัน ในช่วงการปฏิวัติอิหร่าน เมื่อปี 2522 และเป็นชนวนแตกหักของความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวว่า อิหร่านแสดงท่าทีขึงขังที่จะเล่นงานผลประโยชน์ของสหรัฐในอิรักและอีกหลายประเทศในตะวันออกกลาง เพื่อล้างแค้นให้กับการเสียชีวิตของนายพลกาเซ็ม โซไลมานี อดีตผู้บัญชาการกองกำลังนักรบพิเศษ “คุดส์” ของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) ซึ่งถูกนายทรัมป์สั่งโจมตีทางอากาศที่สนามบินนานาชาติกรุงแบกแดดเมื่อวันศุกร์ (3 ม.ค.)
อย่างไรก็ตาม ท่าทีดังกล่าวของนายทรัมป์เกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังเขากล่าวว่า “ไม่ต้องการสงครามกับอิหร่าน”
เมื่อวันเสาร์ มีรายงานเหตุการณ์ยิงปืนใหญ่อย่างน้อย 2 นัด โจมตีพื้นที่ใกล้กับสถานทูตสหรัฐประจำกรุงแบกแดด แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
สถานทูตแห่งนี้ปิดอย่างไม่มีกำหนดนับตั้งแต่เหตุประท้วงต่อต้านปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐต่อกลุ่มคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ในอิรักและซีเรีย เมื่อปลายปีที่แล้วซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 คน
ในวันเดียวกันยังมีการยิงจรวดอีกอย่างน้อย 2 ลูก โจมตีฐานทัพอัล บาลัด ชานกรุงแบกแดด ซึ่งมีทหารอเมริกันประจำการอยู่ด้วย หลังเกิดเหตุยังไม่มีบุคคลหรือกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ
ด้านกองกำลังฮัชด์ (พีเอ็มเอฟ) ซึ่งเป็นเครือข่ายนักรบชีอะห์ในอิรักที่อิหร่านสนับสนุน และสูญเสียนายอาบู มาห์ดี อัล มูฮันดิส รองผู้บัญชาการ พร้อมกับนายพลโซไลมานี ประกาศเตือนให้ทหารอิรักถอยห่างจากฐานทัพสหรัฐทุกแห่งในรัศมี 1 กิโลเมตร โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเย็นของวันนี้ (5 ม.ค.)