'วิศวกรกูเกิล' สารภาพขโมยความลับการค้า

'วิศวกรกูเกิล' สารภาพขโมยความลับการค้า

อดีตวิศวกรดาวรุ่ง "กูเกิล" สารภาพ ขโมยความลับทางการค้าจากโครงการรถขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ตนรับผิดชอบ ก่อนเข้าทำงานกับอูเบอร์

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างข้อมูลตามเอกสารที่ยื่นต่อศาล เมื่อวันพฤหัสบดี (19 มี.ค.) ตามเวลาสหรัฐ นายแอนโทนี ลีแวนดาวสกี วัย 39 ปี สมาชิกรุ่นก่อตั้งของโครงการรถยนต์อัตโนมัติ “โชเฟอร์” หนึ่งในโครงการใหญ่ของกูเกิลเมื่อปี 2552 สารภาพต่อศาลเพื่อให้อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีอื่นๆ ที่เหลือ ว่าขโมยและพยายามขโมยความลับทางการค้า

เอกสารระบุว่า หลายปีหลังจากทำโครงการโชเฟอร์ นายลีแวนดาวสกีเริ่มคิดเรื่องลาออกจากกูเกิล ไปทำโครงการรถขับเคลื่อนอัตโนมัติอีกโครงการหนึ่ง ภายหลังตั้งชื่อว่าโครงการออตโต แล้วเริ่มเจรจากับอูเบอร์ ยักษ์ใหญ่ด้านบริการรถโดยสารร่วม ให้มาลงทุนหรือซื้อออตโต ทั้งๆ ที่เขายังทำงานอยู่ในกูเกิล

นายลีแวนดาวสกียอมรับว่า ดาวน์โหลดเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโครงการโชเฟอร์ภายในไม่กี่เดือนก่อนลาออกจากกูเกิลในเดือน ม.ค. 2559 แบบกะทันหัน โดยขณะนั้นเขาเป็นหัวหน้าทีมไลดาร์ หรือระบบสำรวจรังวัดความสูงภูมิประเทศด้วยแสงเลเซอร์ที่ติดตั้งบนอากาศยาน ที่สำคัญมากสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ ใช้วัดระยะทางและหลบสิ่งกีดขวาง

ข้อกล่าวหานายลีแวนดาวสกีเกิดขึ้นเนื่องจาก แผนกรถอัตโนมัติของกูเกิล ที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นเวย์โม และอยู่ใต้สังกัดอัลฟาเบตที่เป็นบริษัทแม่ ยื่นฟ้องคดีแพ่งว่าอูเบอร์ขโมยความลับทางการค้า สุดท้ายสองบริษัทยอมความกันได้ในปี 2562

อูเบอร์ตกลงมอบหุ้น 0.34% ของบริษัทให้กับเวย์โมคิดเป็นมูลค่าราว 245 ล้านดอลลาร์ เพื่อชดใช้ต่อความเสียหายครั้งนี้ และอูเบอร์ลงนามว่าจะไม่ใช้เทคโนโลยีของเวย์โม ในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับของตัวเองด้วย ส่วนวิศวกรรายนี้ถูกอูเบอร์ไล่ออกเมื่อปี 2560 ตอนที่สองบริษัทเตรียมขึ้นศาลในคดีแพ่ง

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมานายลีแวนดาวสกีเพิ่งยื่นขอล้มละลายขณะเจรจาประนอมหนี้หลังจากศาลรัฐแคลิฟอร์เนียพิพากษายืนว่า เขาเป็นหนี้กูเกิล 179 ล้านดอลลาร์ ฐานละเมิดสัญญาจ้าง พร้อมกันนั้นนายลีแวนดาวสกียังเห็นชอบจ่ายเงินเกือบ 756,500 ดอลลาร์ ชดใช้ค่าเสียหายที่อัลฟาเบตต้องจ่ายขณะช่วยรัฐบาลสอบสวน

คดีของอดีตวิศวกรดังรายนี้ถือเป็นคดีความระหว่างบริษัที่โด่งดังที่สุดคดีหนึ่งในประวัติศาสตร์ของซิลิคอนวัลเลย์

นายไมล์ส เออร์ลิค ทนายความนายลีแวนดาวสกีหวังว่า การสารภาพจะช่วยให้ลูกความของเขาใช้ชีวิตต่อไปได้ด้วยความสามารถพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ต่อไป