'ออสเตรเลีย' ขู่ปิดเมืองครึ่งปี หลังประชาชนยังแห่เที่ยว
ผู้นำออสเตรเลียประกาศมาตรการปิดเมืองทั่วประเทศ "ไม่มีกำหนด" หรืออาจนานถึง 6 เดือน เพื่อควบคุมการระบาดของ "โควิด-19" หลังประชาชนเพิกเฉยมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและยังคงเที่ยวเตร่ตามปกติ
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน แถลงวันนี้ (23 มี.ค.) ว่า ต่อจากนี้จะไม่มีการไปผับหลังเลิกงาน ไม่มีการไปยิมตอนเช้า และไม่มีการนั่งรับประทานอาหารในคาเฟ่ พร้อมยอมรับว่าความท้าทายด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากโรคโควิด-19 ทำให้ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของทุกคน
นายกฯมอร์ริสันเตือนชาวออสเตรเลียด้วยว่า ให้เตรียมตัวเตรียมใจ หากจะต้องมีการปิดเมืองนานถึง 6 เดือน
แม้จะมีการรณรงค์ให้ทุกฝ่ายร่วมกันเว้นระยะห่างทางสังคม แต่ยังมีชาวออสเตรเลียบางส่วนที่เพิกเฉยคำเตือน และไปจับกลุ่มนั่งสังสรรค์กันริมชายหาดบอนดี รวมถึงร้านอาหารและผับบาร์ต่าง ๆ ในช่วงไม่กี่วันมานี้
หลังจากที่ออสเตรเลียเคยมีอัตราการแพร่กระจายต่ำในช่วงแรก ๆ แต่วันนี้ ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ในออสเตรเลียพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 1,314 คนตามฐานข้อมูลมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ โดยเฉพาะรัฐวิกตอเรีย และนิวเซาท์เวลส์ ที่มีผู้ป่วยมากที่สุด
นายมอร์ริสัน ระบุวานนี้ (22 มี.ค.) ว่า รัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการใหม่เพื่อบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) และหยุดบริการต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น เช่น สถานออกกำลังกายในร่ม, ผับ, โรงภาพยนตร์, บาร์ และศาสนสถานต่าง ๆ ตั้งแต่เที่ยงวันที่ 23 มี.ค. เป็นต้นไป ยกเว้นเฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านขายยา, บริการขนส่งสินค้า และร้านค้าปลีก
ทางการยังได้สั่งปิดหาดที่มักจะมีคนไปรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ส่วนคาเฟ่และร้านอาหารก็จะต้องเปิดขายแบบซื้อกลับบ้านหรือเดลิเวอรีเท่านั้น
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวรอยเตอร์ 2 คนระบุว่า มีประชาชนจำนวนมากที่ต้องหยุดงานหรือถูกเลิกจ้างไปเข้าคิวลงทะเบียนเพื่อรับเงินอุดหนุนประกันสังคมตามสำนักงานของรัฐทั้งที่นครซิดนีย์และเมลเบิร์นในวันนี้