‘ทรัมป์’ ชมยามาลาเรียต้านไวรัส 'ของขวัญจากพระเจ้า'
ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยัน ยาต้านมาลาเรียที่กำลังทดลองใช้รักษาไวรัสโคโรนา อาจเป็น “ของขวัญจากพระเจ้า” ไม่สนนักวิทยาศาสตร์เตือนให้ระวังอันตราย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ แถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (23 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ระบุ“ยาต้านมาลาเรียไฮดรอกซีคลอโรควินและยาซีแพ็ก ผมคิดว่าถ้าใช้ร่วมกันจะดีมากๆ เป็นโอกาสที่จะได้ผลมหาศาล นี่เป็นของขวัญจากพระเจ้าที่จะเป็นตัวเปลี่ยนเกม”
ทั้งนี้ สัปดาห์ก่อนประธานาธิบดีทรัมป์เคยแถลงว่า รัฐบาลของเขากำลังเพิ่มการเข้าถึงยาไฮดอกซีคลอโรควินและคลอโรควิน หลังจากผลการศึกษาก่อนหน้านี้ในฝรั่งเศสและจีนดูมีความหวัง พบว่ายารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้
แต่นักวิทยาศาสตร์หลายคนรวมทั้งนายแอนโธนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของสหรัฐ ขอให้สาธารณชนระมัดระวัง รอจนกว่าจะมีการทดลองทางคลินิกในวงกว้างยืนยันผลการศึกษาที่ได้จากคนกลุ่มเล็กครั้งนี้เสียก่อน
ด้านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีรายงานว่า หญิงคนหนึ่งในแอริโซนา ได้ยินทรัมป์พูดถึงยาคลอโรควิน ก็นำยาที่เธอเคยใช้รักษาปลาคาร์พมารับประทาน สุดท้ายต้องเข้าโรงพยาบาลส่วนสามีเสียชีวิต
“ฉันเห็นมันวางอยู่บนหลังชั้นวางของก็เลยนึกได้ว่า เฮ้ย..นี่มันยาที่เขากำลังพูดกันในทีวีนี่นา” เอ็นบีซีรายงานคำพูดของหญิงคนดังกล่าวโดยไม่เปิดเผยชื่อ
สอดคล้องกับแบนเนอร์เฮลธ์ หน่วยงานให้บริการสาธารณสุขโดยไม่หวังผลกำไรในเมืองฟินิกซ์ ที่เผยผ่านเว็บไซต์ “คู่สามีภรรยาวัย 60 เศษ สามีเสียชีวิต ภรรยาต้องเข้าไอซียู หลังกินคลอโรควินฟอสเฟต ที่อะควาเรียมมักใช้ทำความสะอาดตู้ปลา”
แบนเนอร์เฮลธ์จึงเตือนไม่ให้ประชาชนใช้ยารักษาหรือป้องกันโควิด-19 โดยไม่ปรึกษาแพทย์
นายทรัมป์ถูกแวดวงนักวิทยาศาสตร์วิจารณ์บ่อยครั้งว่า โหมกระพือกับยาตัวนี้มากเกินไป จนทำให้สินค้าขาดแคลน ชาวอเมริกันที่ต้องการนำไปใช้รักษาโรคแพ้ภูมิตัวเอง และโรคข้ออักเสบหาซื้อไม่ได้
ที่รัฐนิวยอร์ก วันอังคารนี้ตามเวลาท้องถิ่นจะเริ่มทดลองทางคลินิก นำยาไฮโดรคลอโรควินร่วมกับอาซิโทรมัยซิน ซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อใช้สำหรับการติดเชื้อแบคทีเรียปฐมภูมิ มารักษาผู้ป่วย
ขณะที่รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ประกาศว่า สัปดาห์นี้จะเริ่มทดลองเก็บตัวอย่างทางจมูกด้วยตนเอง เพื่อลดภาระโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยล้น จากเดิมที่ต้องทำโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข โดยต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลแต่อุปกรณ์กำลังขาดแคลน
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดในสหรัฐนั้น มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพกินส์รายงานว่า ผู้ติดเชื้อเกือบ 44,000 คน เสียชีวิต 560 คน