พลิกวิกฤติเป็นโอกาส! บ.จีนเบนเข็มรุกธุรกิจ 'หน้ากากอนามัย'
ผู้ผลิตยาและอาหารเสริมสุขภาพจีนรายหนึ่งเปิดขายหุ้นไอพีโอเป็นวันแรกที่ตลาดหุ้นฮ่องกงในวันนี้ (26 มี.ค.) หลังหันมาเปิดธุรกิจหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันไวรัสอื่น ๆ ได้ไม่นาน แต่นี่ไม่ใช่บริษัทแรกที่พลิกวิกฤติช่วงโควิด-19 ระบาดมาเป็นโอกาสทองทางธุรกิจ
บริษัทไทคูน กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (Tycoon Group Holdings) ผู้ผลิตยาและอาหารเสริมสุขภาพของจีน ประกาศตัวว่าเป็น “ทางเลือกป้องกันโรคระบาดชั้นนำ” ในขณะที่กำลังหาทางระดมทุน 400 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (เกือบ 1,700 ล้านบาท) จากการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก หรือไอพีโอที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
เนื่องด้วยมีการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ผลิตภัณฑ์อย่างหน้ากากอนามัย ยาฆ่าเชื้อโรค และกระดาษเปียกเช็ดมือ กลายเป็นของใช้จำเป็นในเวลานี้ ในขณะที่ทั้งคนทั่วไปและบุคลากรทางการแพทย์กำลังต้องการสิ่งเหล่านี้อย่างมาก และไทคูน กรุ๊ป จึงชิงความได้เปรียบจากโอกาสดังกล่าว
ในการนำเสนอแผนธุรกิจต่อนักลงทุน ไทคูน กรุ๊ประบุว่า ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในผลิตภัณฑ์ป้องกันโรคระบาดไม่นานหลังจากโรคโควิด-19 เริ่มแพร่กระจาย ปัจจุบัน บริษัทจำหน่ายทุกอย่างตั้งแต่กระดาษเปียกเช็ดมือและเจลล้างมือ ไปจนถึงเครื่องวัดอุณหภูมิ (เทอร์โมมิเตอร์) และหน้ากากอนามัย แม้ว่าธุรกิจดั้งเดิมอย่างยาและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพยังเป็นประเภทสินค้าที่มียอดขายมากที่สุดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ไทคูน กรุ๊ป ไม่ใช่บริษัทรายแรกที่ปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจของตนนับตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสมรณะ
ก่อนหน้านี้ บริษัทต้าหยาง กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (Ta Yang Group Holdings) ผู้ผลิตแป้นพิมพ์ที่ทำจากซิลิโคนและยาง ประกาศว่าได้รับสัมปทานจากรัฐบาลปักกิ่งให้ผลิตหน้ากากอนามัย และทำให้ราคาหุ้นพุ่งมากถึง 129% เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา
ขณะที่ 2 บริษัทในฮ่องกงอย่าง เวย เกา อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้งส์ (Veeko International Holdings) ผู้ผลิตเสื้อผ้าสตรี และ เจี้ยนอี้ โฮลดิ้งส์ (Kin Yat Holdings) ผู้ผลิตของเล่น ต่างประกาศว่าจะทรานส์ฟอร์มโรงงานของตนมาใช้ผลิตหน้ากากอนามัยแทน และทำให้ราคาหุ้นของบริษัททะยานเช่นกัน
ปัจจุบัน การขายหุ้นไอพีโอในฮ่องกงอยู่ในช่วงชะลอตัว เนื่องจากมีการจำกัดการเดินทางเป็นวงกว้างและความผันผวนอย่างหนักในตลาด ข้อมูลจากบลูมเบิร์กชี้ว่า มีการระดมทุนผ่านการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเดือนนี้เพียง 607 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับมูลค่าระดมทุน 1,390 ล้านดอลลาร์ในเดือน มี.ค. ปีที่แล้ว