อิสราเอลเมิน 'บริษัทจีน' ทำโรงกลั่นน้ำทะเล
ทางการอิสราเอลเลือกบริษัทท้องถิ่น เป็นผู้ชนะการประมูลทำโครงการกลั่นน้ำทะเล โค่นคู่แข่งจากจีน ท่ามกลางรายงานข่าวว่าถูกสหรัฐกดดัน
กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานอิสราเอลแถลงว่า บริษัทไอดีอี เทคโนโลยีส์ ซึ่งเป็นบริษัทท้องถิ่น เอาชนะคู่แข่ง “ฮัทชิสัน วอเตอร์” ได้เป็นผู้สร้างโรงกลั่นน้ำทะเลโซเร็ก 2 ทางตอนใต้ของกรุงเทลอาวีฟ ภายในปี 2566 จะมีศักยภาพผลิตน้ำจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ปีละ 200 ล้านลูกบาศก์เมตร
โรงงานแห่งใหม่จะเป็นโรงกลั่นน้ำทะเลใหญ่สุดของโลก เพิ่มศักยภาพให้อิสราเอลได้อีก 35% ช่วยประหยัดงบประมาณด้านน้ำได้มากถึง 900 ล้านดอลลาร์ตลอดอายุการใช้งาน
ทั้งนี้ บริษัทคู่แข่งของไอดีอี เป็นบริษัทในเครือซีเค ฮัทชิสัน กรุ๊ป ที่มีฐานปฏิบัติการในฮ่องกง
ระยะหลังอิสราเอลเพิ่มความร่วมมือกับจีนในด้านไฮเทคและภาคส่วนอื่นๆ แต่สหรัฐที่เป็นพันธมิตรหลักเรียกร้องให้อิสราเอลจำกัดการลงทุนของจีนในภาคส่วนที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญทางเศรษฐกิจ
ชัยชนะที่ไอดีอีมีเหนือฮัทชิสัน วอเตอร์ เกิดขึ้นไม่ถึงสองสัปดาห์หลังจากนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ มาเยือนอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบและได้หารือกันเรื่องการลงทุนของจีนด้วย
นายปอมเปโอ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 13 พ.ค. แสดงความกังวลเรื่องที่ปักกิ่งเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานอิสราเอล ที่อาจทำให้ประชาชนตกอยู่ในความเสีี่ยง และเป็นอันตรายต่อศักยภาพของสหรัฐในการทำโครงการสำคัญกับอิสราเอล
ด้านนายหวัง หยงจุน โฆษกสถานทูตจีนเขียนบทความล่าสุดลงในหนังสือพิมพ์เยรูซาเลมโพสต์ ปฏิเสธเสียงเตือนของสหรัฐ โดยเรียกความร่วมมือระหว่างจีนกับอิสราเอลว่า เป็นสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่
ขณะที่โฆษกกระทรวงการคลังอิสราเอล ไม่ได้ให้ความเห็นว่าการที่กระทรวงเลือกไอดีอีแทนที่จะเป็นฮัทชิสัน เกี่ยวข้องกับความกังวลของสหรัฐหรือไม่
ฮัทชิสัน วอเตอร์เคยเป็นหุ้นส่วนกับไอดีอีสร้างและดำเนินการโรงกลั่นน้ำทะเลโซเร็ก 1 จัดหาน้ำดื่มตั้งแต่ปี 2556 ต่อมาไอดีอีขายหุ้นโซเร็ก 1ในปี 2562