ปักกิ่งลุย ‘ฟาสต์แทร็ก’ ชาติอาเซียน
เมื่อสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย หลายประเทศเร่งเปิดประเทศเพื่อฟื้นและกระตุ้นเศรษฐกิจ หนึ่งในแนวทางก็คือการเปิดการเดินทางระหว่างประเทศได้ ซึ่งขณะนี้จีนเริ่มมีการทำช่องทางพิเศษสำหรับการเดินทาง หรือฟาสต์แทร็ก กับประเทศต่างๆ แล้ว เช่น พม่า กัมพูชา
ในช่วงที่นานาประเทศต้องเร่งเปิดเศรษฐกิจท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) การทำช่องทางพิเศษเพื่อให้นักธุรกิจไปมาหากันได้โดยง่าย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางประเภทอื่นๆ
กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ว่า จีนและพม่าได้ตั้งช่องทาง “ฟาสต์แทร็ก” เพื่อรื้อฟื้นธุรกิจระหว่างกันอีกครั้ง เป็นการเดินทางระหว่างกันแบบปลอดเชื้อ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19
จ้าว หลี่เจี้ยน โฆษกกระทรวงเผยว่า ช่องทางฟาสต์แทร็กจะอำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรที่จำเป็นต้องเดินทาง
จีนและเมียนมาได้ประสานส่งบุคลากรจำนวนหนึ่งทำงานในสาขาน้ำมันและก๊าซ พลังงาน และโครงการโครงสร้างพื้นฐานกลับไปทำงานระหว่างกันอีกครั้ง ด้วยวิธีปฏิบัติเฉพาะเพื่อสร้างชุมชนจีน-เมียนมาที่มีอนาคตร่วมกัน
การมีฟาสต์แทร็กจะช่วยส่งเสริมการก่อสร้างระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา โครงการระดับซิกเนเจอร์ตามโครงการริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (บีอาร์ไอ) ของจีน และการพัฒนาเศรษฐกิจทวิภาคี
กระนั้น แหล่งข่าววงในเผยกับโกลบอลไทม์สว่า ฟาสต์แทร็กเป็นเรื่องใหม่จึงไม่มีบริษัทจีนสมัครเข้าร่วมโครงการมากนัก
“เท่าที่ผมรู้บริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติจีนและซิติกกรุ๊ปสมัครไปแล้ว บุคลากรจีนผู้ต้องการไปเมียนมาผ่านฟาสต์แทร็ก จำเป็นต้องรายงานกับสถานทูตจีน จากนั้นค่อยไปติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเมียนมา ที่จะออกใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศให้” แหล่งข่าวกล่าว
ก่อนหน้านี้ตอนที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เยือนเมียนมาอย่างเป็นทางการในเดือน ม.ค. ทั้งสองประเทศเห็นชอบร่วมมือกันสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกัน นำไปสู่ความสัมพันธ์ทวิภาคีบทใหม่ ระหว่างนั้นมีการทำข้อตกลงกันในหลายภาคส่วน เช่น การเมือง การค้าและการลงทุน การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน บริษัทจีนและเมียนมาลงนามข้อตกลงกันหลายฉบับ ทั้งสองประเทศกระชับความสัมพันธ์เหนียวแน่นยิ่งขึ้นภายใต้โครงการริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (บีอาร์ไอ)
ข้อมูลล่าสุดจากกรมศุลการกรระบุว่า ในปี 2562 การค้าทวิภาคีจีน-เมียนมาเพิ่มขึ้น 28.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 1.77 หมื่นลานดอลลาร์
นอกจากเมียนมาแล้วกัมพูชายังเป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่จีนทำ “ฟาสต์แทร็ก” เปิดการขนส่งสินค้าและประชาชนไปมาหาสู่กันได้ท่ามกลางโควิด-19
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. จีนและกัมพูชาจัดประชุมทวิภาคีตัวแทนระดับสูงผ่านทางออนไลน์ ที่ประชุมมีมติทำ “ฟาสต์แทร็ก” สำหรับการเดินทางของประชาชน และ “ระเบียงสีเขียว” สำหรับการขนส่งสินค้าในช่วงที่โควิด-19 ยังระบาดเป็นวงกว้าง
ในโอกาสนี้ทั้งสองประเทศแถลงไม่เห็นด้วยกับการใช้การแพร่ระบาดมาเล่นการเมืองหรือสร้างตราบาปให้ประเทศอื่นเพื่อเป็นข้อแก้ตัว พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสมัครสมานสามัคคีกันเพื่อรับมือกับความท้าทายของโควิด-19
การประชุมครั้งนี้จีนและกัมพูชายังหารือกันในหลายประเด็น อาทิ ความคืบหน้าของบีอาร์ไอ การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคี กระชับความร่วมมือด้านสาธารณสุขให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และการจัดการอาชญากรรมข้ามชาติ
รัฐมนตรีต่างประเทศจีนกล่าวว่า จีนและกัมพูชาสนับสนุนและช่วยเหลือกันและกันมาตั้งแต่โควิด-19 ระบาด ด้วยเหตุนี้มิตรภาพเก่าแก่จึงเหนียวแน่นและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้จีนลงนามทำโครงการฟาสต์แทร็กกับเกาหลีใต้และสิงคโปร์ อนุญาตให้เดินทางเพื่อการทำธุรกิจที่จำเป็น และกำลังเจรจาขยายโครงการกับอีกหลายประเทศ นอกจากนี้จีนยังอนุญาตให้ผู้บริหารและช่างเทคนิคต่างชาติจากบางประเทศเดินทางเข้ามาได้โดยเครื่องบินเช่าเหมาลำที่ต้องขออนุญาตล่วงหน้า บางครั้งก็ลดการกักกันลงเพื่อเร่งให้ธุรกิจกลับมาเหมือนปกติ
ส่วนข้อตกลงที่จีนทำกับสิงคโปร์มีผลตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. อนุญาตให้นักธุรกิจและข้าราชการเดินทางระหว่างสิงคโปร์กับ 6 เขตของจีน ได้แก่ ฉงชิ่ง กวางตุ้ง เจียงซู เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน และเจ้อเจียง โดยไม่ต้องกักตัวนาน
นักเดินทางที่ได้รับการอนุมัติจะต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากโพรงจมูกและคอภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางและเมื่อมาถึง โดยไม่ต้องถูกกักตัวแต่ต้องถูกแยกตัวเป็นเวลา 1-2 วันระหว่างรอผล ช่วง 14 วันแรกที่เข้าประเทศจะต้องไปไหนมาไหนตามกำหนดการของบริษัทหรือหน่วยงานรัฐบาลที่เป็นเจ้าภาพ