ท็อป 5 โภคภัณฑ์จีน ปลุกเศรษฐกิจปี 64 ฟื้น
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่นำโดยเศรษฐกิจจีนจะได้แรงหนุนจากความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ 5 ประเภทที่เพิ่มขึ้นในปี2564 หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 สร้างความปั่นป่วนอย่างมากแก่ตลาดต่างๆ ในปี 2563
เว็บไซต์รอยเตอร์ นำเสนอรายงานคาดการณ์ว่า สินค้าโภคภัณฑ์ 5 ประเภทที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2564 หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 สร้างความปั่นป่วนอย่างมากแก่ตลาดต่าง ๆ ในปี 2563
เริ่มจากทองแดง ในปีนี้ อุตสาหกรรมแร่เหล็กและเหล็กขยายตัวอย่างมาก อานิสงส์จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในอุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมก่อสร้างในจีน แต่สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทโลหะเหล่านี้ มีแนวโน้มว่าจะเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นจนแซงหน้าโลหะประเภทอื่น ๆ ในปีหน้า ขณะที่การแจกจ่ายวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ทองแดง น่าจะเป็นโลหะที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดเพราะความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟ้า เช่นเดียวกับอลูมิเนียมที่จะอยู่ในภาวะขาขึ้นเช่นกัน
“ปีหน้าเรามองว่าตลาดโลหะประเภทต่างๆจะมีความหวังมากกว่าปีนี้ โดยมีพื้นฐานมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความต้องการทองแดงและเหล็กจะเป็นที่พึ่งพาสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนผ่านโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน” ต่ง หัว ผู้อำนวยการ Chaos Research Institute หน่วยงานในเครือ Shanghai Chaos Investment บริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ประเภทโภคภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของจีน กล่าว
สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันจันทร์ (28 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังมีข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
สัญญาทองแดงตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.85 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 3.5710 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาทองแดงได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.01% อยู่ที่ 90.3400
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะทำให้สัญญาทองแดงซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
ต่อมาคือ ถั่วเหลือง ที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ด้านการเกษตรอันดับหนึ่งของจีนในปี 2564 โดยคาดการณ์ว่าความต้องการถั่วเหลืองจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะความต้องการอาหารสัตว์ โดยเฉพาะอาหารสุกร ที่เมื่อปี 2561 และ 2562 สุกรในจีนตายเพราะถูกโจมตีด้วยไข้หวัดหมูแอฟริกันจำนวนมาก
“ตอนนี้ธุรกิจฟาร์มหมูของจีนเติบโตอย่างต่อเนื่องและเริ่มฟื้นตัว ราคาหมูเป็นยังคงสูง ซึ่งหมายความว่ายังคงมีการเพาะหมูรุ่นใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นการนำเข้าถั่วเหลืองจึงพลอยสูงตามไปด้วยในปีหน้า และในปีนี้ ยอดนำเข้าถั่วเหลืองในจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปแล้ว” ดาริน เฟรนด์ริช นักวิเคราะห์อาวุโสจากสโตนเอ็กซ์ ให้ความเห็น
โภคภัณฑ์ตัวต่อมาคือแร่เหล็ก จัดอยู่ในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทำรายได้โดดเด่นกว่าโภคภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ ในปีนี้ โดยเฉพาะในจีน ความต้องการเหล็กเพิ่มขึ้นจากเดิมสองเท่า แต่ราคาอาจจะไม่ปรับตัวขึ้นมากนักแต่ความกังวลเรื่องการขาดแคลนเหล็กในบราซิล บวกกับอุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมก่อสร้างของจีนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง บ่งชี้ว่าตลาดเหล็กยังอยู่ในช่วงขาขึ้น
“ความต้องการใช้เหล็กที่ยังคงสูงอยู่และตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีนยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งบ่งชี้ว่าภาวะขาขึ้นของแร่เหล็กยังไม่จบลง” โฮวี ลี นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารโอซีบีซี ให้ความเห็น
ลี คาดการณ์ว่า “ราคาแร่เหล็กจะทะยานสูงสึดในช่วงไตรมาสสองของปี 2564 เพราะความต้องการจากโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจีน แต่ปริมาณแร่เหล็กในบราซิลที่จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ และความต้องการที่ลดลงจากจีนอาจจะกดดันราคาแร่เหล็กในช่วงปลายปี 2564”
โภคภัณฑ์ตัวต่อไปคือ น้ำมันดิบ โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนเม.ย.เนื่องจากความต้องการลดลงอย่างมากในช่วงที่มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพราะการระบาดของโรคโควิด-19 แต่หลังจากนั้นก็เริ่มฟื้นตัวตามลำดับ แม้ว่าจะไม่กลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19ก็ตาม ท่ามกลางความหวังว่าวัคซีนต้านโควิดจะช่วยพลิกฟื้นการบริโภคให้กลับคืนมาที่ระดับเดิม
“ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ราคาน้ำมันดิบไม่สามารถกลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 รัฐบาลหลายประเทศพยายามเพิ่มมาตรการคุมเข้มด้านต่างๆเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกันก็เร่งนำวัคซีนต้านโควิดที่ใช้กับคนจำนวนมากออกมาใช้ให้ได้เร็วที่สุด” รายงานวิจัยจากเอเอ็นซี ระบุ
โภคภัณฑ์ตัวสุดท้ายคือ ทองคำที่นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่ายังคงมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาขึ้นในปีหน้า
“สินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ใช่กลุ่มพลังงานอาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นอย่างฉับพลัน เนื่องจากการบีบรัดตัวของสมดุลในตลาดก่อนหน้าการคาดหมายของอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากจีนและความเสี่ยงที่มาจากสภาพภูมิอากาศ” โกลด์แมน แซคส์ ระบุ
ราคาทองฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นทะลุระดับ 1,890 ดอลลาร์ในวันจันทร์ (28 ธ.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ราคาทองยังได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือน ก.พ. ดีดตัวขึ้น 10.40 ดอลลาร์ หรือ 0.5% สู่ระดับ 1,893.60 ดอลลาร์/ออนซ์