เฟดเดินหน้าผ่อนคลายการเงินจนกว่าบรรลุเป้าศก.โต
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 26-27 ม.ค. โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดควรจะดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง
"กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายระยะยาวของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) และมองว่า เฟดควรรักษาจุดยืนในการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย"
"กรรมการเฟดหลายคนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสื่อสารที่ชัดเจนเกี่ยวกับการประเมินความคืบหน้าของเป้าหมายต่างๆ ในระยะยาว ก่อนที่จะตัดสินใจปรับเปลี่ยนวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรและหลักทรัพย์ นอกจากนี้ กรรมการเฟดยังกล่าวว่า การที่เฟดจะบรรลุเป้าหมายต่างๆ ได้นั้น อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง" รายงานการประชุมเฟดระบุ
รายงานการประชุมเฟดยังระบุด้วยว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงสร้างความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ รวมทั้งความยากลำบากในการผลิตและการแจกจ่ายวัคซีน
รายงานการประชุมเฟดมีความสอดคล้องกับที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้เปิดเผยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาของสมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์กเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่เฟดจะต้องรักษาจุดยืนด้านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายด้วยความอดทน เพื่อกระตุ้นตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด
"แม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเริ่มฟื้นตัวเมื่อไม่นานมานี้ แต่ตลาดแรงงานของเรายังคงอยู่ห่างไกลจากคำว่าแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตลาดแรงงานของประเทศอื่นๆ ที่เผชิญสถานการณ์เช่นเดียวกับเรา ตัวเลขจ้างงานในเดือนม.ค.ปีนี้อยู่ที่ระดับต่ำกว่าในเดือนก.พ.ปีที่แล้วเกือบ 10 ล้านตำแหน่ง ซึ่งถือว่าต่ำกว่าในช่วงหลังเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยรุนแรง (Great Recession)" นายพาวเวลกล่าว
สำหรับการประชุมเฟดในครั้งนี้ ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และประกาศว่าจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) วงเงินรวม 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (เอ็มบีเอส) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน