ถึงเวลา'รถหรู'ทวงบัลลังก์หลังโควิด
การที่โลกฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ยอดขายรถหรูสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ยอดจองลัมโบร์กินี เฟอร์รารี และโรลส์รอยซ์ทะลักเพราะความต้องการของเหล่าอภิมหาเศรษฐีทั่วโลก
เฟลิเป มูนอส จากบริษัทวิจัยตลาดจาโตไดนามิกส์ กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ผู้มีอันจะกินเหล่านี้ก็เหมือนกับคนธรรมดาสามัญอื่นๆ ทั่วโลกที่ต้องลดการบริโภคในปี 2563 ส่งผลยอดขายบริษัทผลิตรถยนต์หรูลดฮวบในระดับเลขสองหลัก “แต่ลูกค้าของรถยนต์เหล่านี้ไม่ได้ประสบกับหายนะทางการเงินจากวิกฤติโควิดเหมือนคนอื่นๆ”
สำหรับคนมีเงิน “ปัญหาหนักสุดของพวกเขาคือออกจากบ้านไม่ได้ จำต้องเลื่อนการซื้อออกไป” มูนอสขยายความ
การฟื้นตัวของรถหรูเกิดขึ้นตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 เมื่อเหล่าเศรษฐีได้แตะบัตรเครดิตแพลทินัมอีกครั้ง ช่วยดูดซับความเสียหายจากโควิด-19ระบาดให้กับรถยนต์ราคาแพงได้เมื่อเทียบกับสิ่งที่ผู้ผลิตรถยนต์ตลาดแมสต้องประสบ
ปีก่อนยอดขายรายปีของลัมโบร์กินีที่โฟล์คสวาเกนเป็นเจ้าของทุบสถิติปี 2562 ไปอยู่ที่ 7,430 คัน ได้แรงหนุนจากรถเอสยูวีรุ่นอูรุส สนนราคาอยู่ที่ราว 200,000 ยูโร
ส่วนเฟอร์รารีปีก่อนต้องปิดโรงงานทำให้ยอดขายดิ่งลง 10% มาอยู่ที่ 9,119 คัน แต่ผู้บริหารกล่าวว่า ตอนนี้แบรนด์ม้าดำมียอดจอง “ทุบสถิติ”ได้แรงหนุนจาก SF90 Stradale คันละ 450,000 ยูโร รถไฮบริดปลั๊กอินคันแรกของเฟอร์รารี ผนวกกับ Monza ขนาด 2 ที่นั่งไร้หลังคา ไร้กระจกหน้า ที่เชื่อว่า ราคาน่าจะอยู่ที่ราว 1.7 ล้านยูโร
เฟอร์รารีหวังทำยอดขายทะลุหมุดหมาย 10,000 คันในปีหน้า เป็นผู้ผลิตรถหรูรายสุดท้ายที่ออกรถเอสยูวี รุ่น“Purosangue”
“ตลาดรถหรูยังมีลูกค้าและกติกาที่เฉพาะตัวมากๆ พฤติกรรมลูกค้าสัมพันธ์กับสถานการณ์ส่วนบุคคลเป็นหลัก ว่าความมั่งคั่งของพวกเขาพัฒนาไปแค่ไหน มากกว่าขึ้นกับเทรนด์ของตลาด” จิลยูม ครูเนลนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมรถยนต์จากดีลอยต์ให้ความเห็น
ด้านทอร์สเตน มุลเลอร์-ออตวอส ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) โรลส์รอยซ์เผยว่า หลังจากบริโภคน้อยลงมา 1 ปี “ดูเหมือนจะมีเงินให้จับจ่ายมากพอสมควร” กระนั้นผู้บริหารบริษัทเครือบีเอ็มดับเบิลยูยังมองเห็นผลกระทบของโควิดต่อรูปแบบการจับจ่ายของผู้คน
“ลูกค้าของเราจำนวนมากบอกว่า โควิดสอนให้พวกเขารู้ว่า ชีวิตอาจจบสิ้นลงง่ายๆ ในวันพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นควรหาความสุขเสียตั้งแต่ตอนนี้”
สัปดาห์ที่ผ่านมา แบรนด์ประวัติศาสตร์ของอังกฤษเปิดตัวรถรุ่น“Boat Tail” ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรือยอชท์ และถึงขณะนี้เพิ่งผลิตมาได้แค่ 3 คันโดยโรลส์รอยซ์ไม่เปิดเผยราคา
ซีอีโอโรลส์รอยซ์กล่าวว่า รถรุ่นใหม่ “ประณีต” กว่ามาก เมื่อเทียบกับรุ่นปรับแต่งตามใจลูกค้า “Sweptail” ราคาขายในยุโรป 13 ล้านดอลลาร์
มุ่งหน้าไปจีน
ครูเนลจากดีลอยต์ชี้ว่า โรลส์รอยซ์เป็นผู้ผลิตรถยนต์ราคาแพงรายล่าสุดที่โดดมาร่วมเทรนด์ผลิตรถเอสยูวี รองรับความต้องการที่หยุดไม่อยู่ รวมทั้งตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมด้วยการหันมาผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ด้านบทวิเคราะห์ของจาโต ไดนามิกส์ชี้ว่า รถสปอร์ตคิดเป็นแค่ 5% ของยอดขายรถหรูเมื่อปี 2563 ขณะเดียวกันสัดส่วนตลาดรถเอสยูวีก็แซงหน้ารถคูเป้ได้เป็นครั้งแรก
ในอังกฤษตอนที่โควิด-19 เริ่มระบาดเบนท์ลีย์และแมคลาเรนปลดพนักงานหลายพันคน แต่มีเพียงเบนท์ลีย์เท่านั้นที่ทำยอดขายเป็นประวัติการณ์ อานิสงส์จากเบนเทย์กา รถเอสยูวีสุดหรู ราคาคันละ 200,000 ยูโร
สำหรับโรลส์รอยซ์ต้นปีนี้เป็นไตรมาสดีที่สุดที่เคยเจอ ได้แรงหนุนจากนิวโกสต์คูเป้ และคัลลิแนน รถเอสยูวี น้ำหนัก2.6 ตัน ราคา 350,000 ยูโร แพงที่สุดในตลาด
ส่วนแอสตัน มาร์ติน รถโปรดของเจมส์ บอนด์ ที่เสี่ยงล้มละลายเต็มทีก็กลับมาด้วย “ดีบีเอ็กซ์”รถอเนกประสงค์แบบเอสยูวีรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท
เมื่อมองไปข้างหน้ามุลเลอร์-ออตวอส จากโรลส์รอยซ์เผย“การผลิตสำหรับปีนี้ถูกจองหมดแล้ว”
ยุโรปและอเมริกาเหนือยังคงเป็นตลาดที่แข็งแกร่งสำหรับรถแบรนด์หรู แต่จีนเป็นตลาดที่เติบโตที่สุด
“จีนเป็นภูมิภาคที่สร้างความมั่งคั่งได้มากที่สุดของโลก และรถยนต์ยังคงเป็นเครื่องหมายแสดงสถานะที่ทรงพลังมาก” ครูเนลกล่าว
ด้านครูนอซคาดการณ์ “ด้วยจำนวนมหาเศรษฐีและอภิมหาเศรษฐีที่เพิ่มมากขึ้นๆ ในจีนแต่ละปี เทรนด์นี้มีแนวโน้มดำรงอยู่ต่อไป”