ผู้เชี่ยวชาญเตือนภาวะโลกร้อนอาจกระทบจีดีพีทั้งโลก

นายเจอโรม เฮเกลี ผู้นำทีมนักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทสวิสรี ประกาศเตือนว่า เศรษฐกิจโลกอาจประสบปัญหาชะลอตัวอย่างหนัก โดยเฉพาะของกลุ่มประเทศยากจน หากยังไม่มีการร่วมมือกันระดับโลกในการแก้ปัญหาโลกร้อน

นายเฮเกลีเผยผลสรุปจากการวิเคราะห์โดยทีมของเขา ระบุว่า หากอุณหภูมิโลกยังคงพุ่งสูงขึ้นเช่นในปัจจุบันต่อไป ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของโลกอาจทรุดตัวลง 10% ภายในปี 2591 โดยประเทศในกลุ่มซีกโลกใต้จะได้รับผลกระทบมากกว่าซีกโลกเหนือ

นายเฮเกลีระบุว่า ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาเลเซียและฟิลิปปินส์นั้น มีความเปราะบางมากเป็นพิเศษต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และอาจสูญเสียจีดีพีถึง 46% เมื่อสิ้นศตวรรษนี้ หากอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้น 3 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับช่วงค.ศ. 1800 เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีประชากรจำนวนมากอาศัยอยู่ตามชายฝั่งและตั้งอยู่ในเขตร้อน จึงทำให้ต้องเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรงจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ

อย่างไรก็ดี นายเฮเกลีกล่าวว่า ประเทศในซีกโลกเหนือซึ่งจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า ควรมีการดำเนินการในด้านต่างๆ ให้มากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาส่วนนี้

ขณะนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญกับสัญญาณเตือนฉุกเฉิน โดยคณะกรรมการด้านภูมิอากาศขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)เตือนเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ว่า อุณหภูมิโลกอาจสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสภายในปี 2583