ซื้อไหม ‘เฟซบุ๊ค’ - ‘เรย์แบน’ เปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะ เทคโนฯล้ำสุดเท่

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า  9 ปีที่แล้ว ในวันที่แดดจ้าเมื่อเดือน พ.ค. 2555 เซอร์เกย์ บริน หนึ่งผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล เดินเล่นไปตามถนนคิงสตรีท ในย่านโซมา เมืองซานฟรานซิโก พร้อมสวมแว่นตาอัจฉริยะกูเกิลกลาส 'Google Glass' ไร้เลนส์ของเขา 

บรินทดลองใช้ Google Glass ประมาณหนึ่งเดือน ก่อนที่บริษัทจะเปิดตัวอุปกรณ์เพิ่มเติมต่อสาธารณะ แต่จริงๆ แล้วแทบจะไม่เวิร์ค เพราะสิ่งที่หลายคนเจอคือ แว่นตาแบตหมด และบรินก็ไม่ได้สั่งแก้ไข หรือทำอะไรกับมันต่อเลย

ในที่สุด Google Glass ก็ล้มเหลวในสินค้าชนิดนี้ จนเกิดคำเหน็บแนมผู้คลั่งไคล้แว่นตาอัฉริยะ Google Glass บางรายว่า “Glassholes”

ในช่วงเกือบทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง รวมถึงอเมซอน บอส และสแนพได้พยายามพัฒนาตอบโจทย์เหล่านี้ แต่ก็ไม่มีใครให้ความสำคัญกับแนวคิดแว่นตาอัจฉริยะ เป็นที่นิยมอย่างแท้จริง 

ซีเอ็นเอ็นระบุว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2564  (วันที่ 9 เดือน 9 ) ตามเวลาสหรัฐ เฟซบุ๊คได้นำเสนอแว่นตาอัจฉริยะ รุ่น Ray-Ban Stories ซึ่งเป็นความพยายามสนองความต้องการสาธารณะ โดยเฟซบุ๊คได้ทำงานร่วมกับเอสซีลอร์ลูซอตติกา แบรนด์แว่นตาชั้นนำระดับโลก ที่รู้จักในชื่อเรย์แบน 

 

เฟซบุ๊ค และเรย์แบน หวังว่า แว่นตาอัจฉริยะจะใช้สวมใส่ เพื่อถ่ายรูป ฟังเพลง และโทรออก โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นอายุ 13 ปีขึ้นไป  

 

 

แว่นตาไฮเทคที่เฟซบุ๊ค ทำมาในอดีต สนนราคาเริ่มต้นที่ 299 ดอลลาร์ หรือประมาณ 9,700 บาท ซึ่งมี 3 สไตล์ รวมถึงรุ่น Ray-Ban Wayfarer สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นเรย์แบน ใน 5 เฉดสี ด้วยเลนส์สีเข้มแบบสเปคตัม มีจำหน่ายใน 6 ประเทศ รวมถึงสหรัฐ แคนาดา และสหราชอาณาจักร

หากพูดถึงเรย์แบน เป็นที่รู้กันว่า จะไม่ใช่แค่แว่นสายตาธรรมดา แต่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบสไตล์คลาสสิคยอดนิยม ขณะที่ Ray-Ban Stories แก้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ปัญหาหนึ่งที่ Google Glass เผชิญอยู่ รวมถึงปัญหาของแว่นตาอัจฉริยะมากมายในอดีต

Ray-Ban Stories ได้ซ่อนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ไว้อย่างดี และดูเนียนมากจนถ้าไม่สามารถบอกจุดที่แตกต่างออกไป ก็คงไม่รู้ว่า มีกล้องฝังอยู่ที่ขอบของแต่ละด้านของเฟรม เป็นต้น แต่สำหรับ Wayfarers คู่หนึ่ง และดูเหมือนว่า แทบจะเป็นเนื้อเดียวกับเฟรมแว่นด้วยซ้ำ

 

 

'Ray-Ban Stories' ให้ความรู้สึกเหมือนแว่นตากันแดดมีสไตล์

สิ่งแรกที่ผู้ใช้รู้สึกได้คือ เหมือนสวมแว่นตากันแดด แน่นอนว่า มีปุ่มเปิดปิดซ่อนอยู่ภายในขาแว่นด้านซ้าย ปุ่มเพรียวบางสำหรับถ่ายภาพและวิดีโอบนขาแว่นด้านขวา ลำโพงที่เพรียวบางในตัว และไฟ LED ด้านหน้าที่ส่องแสงเป็นสีขาว 

เมื่อคุณถ่ายภาพ รูปภาพหรือวิดีโอ มีทัชแพดอยู่ที่วัดด้านขวาด้วย แม้ว่าคุณจะมองไม่เห็นก็ตาม แต่แว่นตามีน้ำหนักเพียงเล็กน้อย ประมาณ 5 กรัม หนักกว่ารุ่น Ray-Ban Wayfarers ซึ่งทำให้สวมใส่สบายเป็นเวลานาน การชาร์จไม่น่ารำคาญเช่นกัน หรือคล้ายแว่นตาของสแนพ 

หนึ่งในผู้ทดลองใช้ เล่าให้ซีเอ็นเอ็นฟังว่า Ray-Ban Stories เหมาะสำหรับการฟังเพลงหรือโทรศัพท์อย่างน่าประหลาดใจ เสียงมีความคมชัดและมีพลัง ดูมีความเป็นธรรมชาติ ฉันรู้สึกประหม่าเล็กน้อยขณะฟังเพลง เนื่องจากฉันสามารถบอกได้ว่า ใครก็ตามที่อยู่ในระยะไม่กี่ฟุตสามารถได้ยินเสียงเพลง ฉันยังมีปัญหาในการใช้ทัชแพด ซึ่งมักจะตีความความพยายามของฉันที่จะเพิ่มระดับเสียงขณะหยุดเพลงชั่วคราว หรือลดระดับเสียงแทนที่จะเปิด

ขณะที่อีกหนึ่งผู้ทดลองใช้ บอกประสบการณ์ที่มีต่อ Ray-Ban Stories ว่า แว่นตาสวมใส่ได้สนุกที่สุด ขณะเล่นกับลูกๆ ที่สวนสาธารณะ เนื่องจากการเล่นตลกในสนามเด็กเล่น เช่น การคลานเข้าไปในอุโมงค์สำหรับเด็กวัย 5 ขวบทำให้การหยิบสมาร์ทโฟนออกมาจับภาพช่วงเวลานั้นเป็นเรื่องยาก ฉันสามารถถ่ายภาพและวิดีโอของลูกๆ ได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งปกติแล้วจะจับได้ยาก ขณะที่พวกเราทำได้ทันที

 

Ray-Ban Stories ใช้แอพบนสมาร์ทโฟนที่เรียกว่า Facebook View เพื่อให้คุณสามารถดู แก้ไข และแชร์รูปภาพและวิดีโอได้ การส่งรูปภาพให้เพื่อน ๆ ผ่านแอพนั้นง่ายมาก และฉันก็สามารถสร้างวิดีโอตัดต่อน่ารักๆ ของลูกๆ ได้ด้วยการแตะไม่กี่ครั้ง โดยทิคนี้ มาร์ค  ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟคบุ๊คโพสต์วิดีโอบนหน้าเฟซบุ๊คของเขาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (6 ก.ย.) โดยแสดงภาพขณะพายเรือ และสวม Ray-Ban Stories แต่แว่นตาไม่กันน้ำกระเด็นหรือน้ำ คุณจึงต้องเก็บมันไว้นอกสระ

สวมแว่นตาอัจฉริยะ กลายเป็นพวก "Glassholes" ไหม 

แม้ว่า แว่นตาอัจฉริยะของคุณเปิดสวิตซ์ใช้งานแล้ว แต่ก็ยังเหมือนแว่นตาทั่วไป ซึ่งเฟซบุ๊คและเรย์แบนได้เน้นย้ำความสำคัญของการทำให้คนอื่นรู้ว่า คุณอาจกำลังบันทึกอยู่ ขณะเดียวกัน อาจต้องตั้งข้อสังเกตการรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยเช่นกัน

แว่นตารุ่นนี้ สามารถถ่ายวิดีโอที่มีความยาวสูงสุด 30 วินาทีเท่านั้น และไฟ LED ที่ด้านหน้าแว่นตานั้น มองเห็นได้จากระยะ 25 ฟุต มันส่องแสงตลอดเวลาที่คุณถ่ายวิดีโอ คุณสามารถเปิดใช้ Facebook Assistant ผ่านแอพ View เพื่อใช้คำสั่งเสียงในการถ่ายภาพและวิดีโอ ซึ่งเป็นวิธีที่จะทำให้ชัดเจนว่าคุณกำลังจับภาพโลกรอบตัวได้ แต่ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่น เช่น การควบคุมการเล่นเพลง หากต้องการทำสิ่งต่างๆ เช่น เพิ่มระดับเสียงเพลงโดยใช้คำสั่งเสียงขณะสวมแว่นตา ก็ต้องเรียก Siri บนไฟโฟน

ผู้สวมแว่นตารุ่นใหม่ของเฟซบุ๊คคนเดียว เล่าด้วยว่า การสวมแว่นตา Ray-Ban Stories ในที่สาธารณะ ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นในสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับแว่นตา เพราะขณะไล่ตามลูกๆ ไปรอบๆ สนามเด็กเล่นที่พลุกพล่าน แม้ว่าฉันจะถ่ายวิดีโอสั้นจำนวนมาก (ฉันบอกไม่ได้ แต่แสงแดดจ้าอาจทำให้ไฟ LED สีขาวของแว่นตามองไม่เห็น) ฉันเดินเข้าไปในร้านค้าพร้อมกับพวกเขา ถ่ายรูปตัวเองในกระจก และไม่มีใครแม้แต่จะกระพริบตา มันคงเป็นเรื่องง่ายที่จะใช้แว่นตาเหล่านี้ เพื่อบุกรุกความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น แล้วการเราแอบเก็บภาพถ่ายและวิดีโอโดยบังเอิญนี้ จะทำให้ฉันกลายเป็น Facehole หรือไม่ล่ะ

ก่อนหน้านี้ เจรามี กรีนเบิร์ค ที่ปรึกษาด้านนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Future of Privacy Forum และหนึ่งในบุคคลที่เฟซบุ๊คพูดคุยปรึกษา ขณะพัฒนา Ray-Ban Stories โดยเขาระบุว่า มี “ข้อกังวลบางประการ” ที่ทำให้คนอื่นๆ ไม่ได้สังเกตว่า ผู้สวมแว่นอัจฉริยะกำลังถ่ายภาพและวิดีโอ แต่จะเห็นชัดเจนมากขึ้น ถ้าได้หยิบโทรศัพท์ออกมา

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากสำหรับเฟซบุ๊ค ที่จะโน้มน้าวคนส่วนใหญ่ว่า พวกเขาต้องมีอุปกรณ์ที่สามารถเลียนแบบคุณลักษณะบางอย่างของโทรศัพท์ แต่อยู่ในรูปลักษณ์ของแว่นตาที่นั่งอยู่บนใบหน้าของพวกเขา แต่ดูดีมีสไตล์และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดในยุคนี้