ดาวโจนส์ร่วง 166 จุดเหตุวิตกโควิด-บอนด์ยีลด์พุ่งฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนฯ
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์ (17ก.ย.)ปรับตัวลง 166 จุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปอย่างล่าช้า นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังเป็นปัจจัยฉุดราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลง 166.44 จุด หรือ 0.5% ปิดที่ 34,584.88 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ร่วงลง 0.9% ปิดที่ 4,432.99 จุดและดัชนีแนสแด็กร่วง 0.9% ปิดที่ 15,043.97 จุด
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.346% ในวันนี้ ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นแอปเปิล, หุ้นอัลฟาเบท และหุ้นเฟซบุ๊ก ต่างก็ปรับตัวลงในการซื้อขายนอกเวลาทำการในตลาดหุ้นนิวยอร์ก
พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ รวมทั้งจับตาสถานการณ์ในตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิดหลังจากข้อมูลเชิงสถิติในอดีตบ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐมักจะปรับตัวย่ำแย่ในเดือนก.ย.
ข้อมูลจาก “Stock Trader's Almanac” ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2493 เดือนก.ย.เป็นเดือนที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดของปี และนับตั้งแต่ปี 2488 ดัชนี S&P 500 ร่วงลงเฉลี่ย 0.56% ในเดือนก.ย. ขณะที่เดือนก.พ.เป็นอีกหนึ่งเดือนที่ดัชนี S&P 500 มักปรับตัวลง
นอกเหนือจากการประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์หน้า ซึ่งรวมถึงดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (เอ็นเอเอชบี), การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค.
ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต