จีนเลิกหนุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน-ตัวเปลี่ยนเกมCOP26
จีนเลิกหนุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน-ตัวเปลี่ยนเกมCOP26ขณะจอห์น เคอร์รีกล่าวว่าได้หารือกับจีนมาช่วงระยะเวลาหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้และผมยินดีมากที่ได้ยินว่าประธานาธิบดีสีตัดสินใจดำเนินการในเรื่องสำคัญนี้
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนออกแถลงการณ์ต่อผู้นำทั่วโลกในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ)ผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ที่อัดไว้ล่วงหน้า และมาเปิดในที่ประชุม เมื่อวันอังคาร(21ก.ย.)ว่าจีนจะไม่ให้ทุนสนับสนุนในการก่อสร้างโครงการผลิตพลังงานโดยใช้ถ่านหินในต่างประเทศอีก ถือเป็นคำประกาศที่สร้างความประหลาดใจแก่ประเทศต่างๆทั่วโลก
ประธานาธิบดีสี ตัดสินใจที่จะไม่เดินทางมาประชุมด้วยตนเองที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐเช่นเดียวกับผู้นำประเทศอื่นๆอีกประมาณ 1 ใน 3 ที่เลือกเข้าประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
ที่ผ่านมา จีนให้การสนับสนุนโครงการมากมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานถ่านหินในประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย รวมทั้ง อินโดนีเซีย และบังกลาเทศ ทั้งยังถูกกดดันทางการทูตอย่างหนักให้เลิกสนับสนุนทางการเงินแก่อุตสาหกรรมถ่านหินเพื่อช่วยให้ประชาคมโลกบรรลุเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศโลกตามที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้ในการประชุมที่กรุงปารีส
สี ประกาศจุดยืนเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากมีการเคลื่อนไหวในลักษณะคล้ายๆกันจากเกาหลีใต้ และญี่ปุ่นในช่วงต้นปีมานี้
“จีนจะเร่งให้การสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆในการพัฒนาพลังงานที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ต่ำและพัฒนาพลังงานเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งไม่ทำโครงการที่ผลิตพลังงานโดยใช้ถ่านหินในต่างประเทศอีกต่อไป”ประธานาธิบดีจีน กล่าว
คำกล่าวของประธานาธิบดีสี มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ประกาศแผนให้ความช่วยเหลือทางการเงินสองเท่าแก่ประเทศยากจนเป็นมูลค่า 11,400 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2567 เพื่อช่วยเหลือประเทศเหล่านี้ให้เปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดและรับมือกับผลกระทบที่รุนแรงขึ้นเรื่อยจากปัญหาโลกร้อน
แม้ว่าสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสีจะไม่มีรายละเอียดมากนัก แต่ข้อริเริ่มนี้อาจสร้างแรงขับเคลื่อนที่มีนัยสำคัญต่อการประชุมด้านสิ่งแวดล้อมของยูเอ็น หรือ COP26 ซึ่งจะจัดขึ้นในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์ ช่วงปลายเดือนต.ค.
“นี่ถือเป็นเชื้อและแรงกระตุ้นที่ดี”ซินหยู หม่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อการพัฒนาพลังงานจากศูนย์นโยบายเพื่อการพัฒนาโลกของมหาวิทยาลัยบอสตัน ให้ความเห็น
ด้าน“จอห์น เคอร์รี” ทูตด้านสภาพอากาศของสหรัฐ ขานรับคำประกาศของประธานาธิบดีสีในทันที โดยบอกว่า“เป็นการสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่และเป็นรากฐานที่ดีที่จะทำให้การประชุมว่าด้วยสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงที่เมืองกลาสโกว์ประสบความสำเร็จ”
"เราได้หารือกับจีนมาช่วงระยะเวลาหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้และผมยินดีมากที่ได้ยินว่าประธานาธิบดีสีตัดสินใจดำเนินการในเรื่องสำคัญนี้”เคอร์รี กล่าว
“อล็อก ชาร์มา” รัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของอังกฤษซึ่งเป็นหัวหน้าการประชุมCOP26 ชื่นชมคำประกาศของประธานาธิบดีสีเช่นกัน โดยบอกว่า“คำพูดนี้เปรียบเหมือนการเขียนข้อความที่เป็นเจตนารมณ์ของจีนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมไว้ที่กำแพง ผมดีใจที่ประธานาธิบดีสีให้คำมั่นสัญญาว่าจะหยุดการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ๆในต่างประเทศและนี่เป็นหัวข้อสำคัญที่ผมจะหารือในช่วงที่ผมเดินทางเยือนจีน”
ชาร์มา กล่าวด้วยว่า สหราชอาณาจักรชื่นชมจีนเป็นอย่างมากในการใช้ความพยายามอย่างยิ่งใหญ่เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และหวังว่าจะส่งเสริมความร่วมมือกับจีนในขอบเขตการเงินด้านสภาพภูมิอากาศ พลังงาน และ การค้าคาร์บอน โดยจะส่งเสริมการเจรจาประสานงานกับจีน เพื่อบรรลุผลสำเร็จในการประชุมระดับทวิภาคีเช่นกัน
ขณะที่เหล่านักรณรงค์ด้านสภาพอากาศ แสดงความยินดีต่อคำมั่นสัญญานี้ของประธานาธิบดีสีของจีน ที่เป็นประเทศปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์รายใหญ่สุดของโลกเช่นกัน โดยเควิน กัลลาเกอร์ ระบุว่า “ ตั้งแต่ปี 2556-2562 จีนให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากถ่านหินนอกประเทศจีนในสัดส่วนประมาณ 13% ”
กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนสภาพแวดล้อม "350 ดอท โออาร์จี" เรียกขานคำประกาศของประธานาธิบดีสีว่า“ยิ่งใหญ่”และระบุว่านี่คือ“ตัวเปลี่ยนเกมที่แท้จริง”ขึ้นอยู่กับว่าคำประกาศนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อใด
“เฮเลน เมาท์ฟอร์ด” รองประธานฝ่ายสภาพอากาศและเศรษฐกิจจากเวิลด์ รีซอร์สเซส อินสติติว กล่าวว่า “นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ที่ช่วยให้โลกรอดพ้นจากอิทธิพลของพลังงานจากฟอสซิลที่เป็นพลังงานสกปรก”
“คำมั่นสัญญาของจีนแสดงให้เห็นว่าจะมีการปิดท่อน้ำเลี้ยงขนาดใหญ่ที่ค่อยหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมถ่านหินมาตลอด”เมาท์ฟอร์ด กล่าวแต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลปักกิ่งยังคงมีการลงทุนด้านเหมืองถ่านหินในประเทศอยู่
เมื่อปีที่แล้ว จีนซื้อโรงงานไฟฟ้าจากถ่านหินขนาด 38.4 เมกะวัตต์ถือเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่กว่าโรงไฟฟ้าที่มีทั่วโลกประมาณ3เท่า
ต้นปีมานี้ กลุ่มเอ็นจีโอเผยแพร่รายงานว่า แบงก์ ออฟ ไชนา ธนาคารของรัฐบาลจีนเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านเงินทุนรายใหญ่รายเดียวแก่โครงการผลิตถ่านหินหลายโครงการ โดยนับตั้งแต่มีการทำข้อตกลงปารีส จีนให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการต่างๆไปแล้วเป็นเงิน 35,000 ล้านดอลลาร์
ตั้งแต่ปีที่แล้ว ประธานาธิบดีสี ให้คำมั่นว่าจีนจะทำให้ได้ตามเป้าที่ประกาศไว้ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ก่อนปี 2573 และทำให้ประเทศปล่อยคาร์บอนฯ0% ก่อนปี 2603 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มวิจารณ์เป้าหมายนี้ของจีน โดยบอกว่ายังเป็นเป้าหมายที่ไม่มีความทะเยอทะยานมากพอ