หุ้นเมอร์คพุ่งก่อนเปิดตลาด รับข่าวสหรัฐซื้อยาโมลนูพิราเวียร์เพิ่มเติม
หุ้นของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันอังคาร(9พ.ย.) ขานรับข่าวรัฐบาลสหรัฐสั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์เพิ่มเติมอีก 1 พันล้านดอลลาร์
เมื่อเวลา 21.10 น.ตามเวลาไทย ราคาหุ้นเมอร์คดีดตัวขึ้น 0.96% สู่ระดับ 83.47 ดอลลาร์
บริษัทเมอร์คเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐได้สั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19 เพิ่มเติมอีกจำนวน 1.4 ล้านคอร์ส วงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคำสั่งซื้อดังกล่าว ทำให้รัฐบาลสหรัฐสั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์จำนวนรวม 3.1 ล้านคอร์ส วงเงิน 2.2 พันล้านดอลลาร์ หลังจากที่ได้สั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์จำนวน 1.7 ล้านคอร์ส วงเงิน 1.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.
เมอร์คคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถผลิตยาโมลนูพิราเวียร์จำนวน 10 ล้านคอร์สภายในสิ้นปีนี้ และผลิตอย่างน้อย 20 ล้านคอร์สในปีหน้า
ทั้งนี้ ยา 1 คอร์สประกอบด้วยยาโมลนูพิราเวียร์ขนาด 200 มิลลิกรัม จำนวน 40 เม็ดสำหรับผู้ป่วย 1 คน โดยผู้ป่วยจะรับประทานยาวันละ 2 ครั้งๆละ 4 เม็ด เป็นเวลา 5 วัน
นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังได้สั่งซื้อยาแพกซ์โลวิด ซึ่งเป็นยาเม็ดชนิดรับประทานเพื่อรักษาโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ จำนวนหลายล้านโดส
ไฟเซอร์เปิดเผยว่า ผลการทดลองพบว่า ยาแพกซ์โลวิดสามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ถึง 89% โดยสูงกว่ายาโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์ค ซึ่งมีประสิทธิภาพเพียง 50%
ผู้ที่จะรับประทานยาของไฟเซอร์จะต้องรับทั้งยาแพกซ์โลวิด พร้อมกับยาริโทนาเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีโดยยา 1 คอร์สของไฟเซอร์ประกอบด้วยยาแพกซ์โลวิด 20 เม็ดและริโทนาเวียร์ 10 เม็ดสำหรับผู้ป่วย 1 คน โดยผู้ป่วยจะรับประทานยาแพกซ์โลวิดขนาด 150 มิลลิกรัม 2 เม็ดต่อครั้ง ควบคู่กับยาริโทนาเวียร์ 100 มิลลิกรัม 1 เม็ดต่อครั้ง วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน