กระแสประท้วงบังคับฉีดวัคซีนในสหรัฐ-ออสเตรเลียยังแรง
กระแสประท้วงและต่อต้านการบังคับฉีดวัคซีนในสหรัฐ-ออสเตรเลียยังแรง ทั้งกรมไปรษณีย์สหรัฐและการชุมนุมประท้วงของชาวเมืองเมลเบิร์นหลายพันคนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
การชุมนุมประท้วงและกระแสคัดค้านมาตรการบังคับฉีดวัคซีนของรัฐบาลในสหรัฐและออสเตรเลียยังคงดำเนินไป โดลล่าสุด การไปรษณีย์สหรัฐ (ยูเอสพีเอส) แสดงความกังวล หลังรัฐบาลกลางสหรัฐมีคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ฉบับใหม่ ส่วนประชาชนหลายพันคนในเมลเบิร์นเดินขบวนเมื่อวันเสาร์ (13 พ.ย.) เพื่อต่อต้านคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนโควิด-19ของทางการ
พนักงานการไปรษณีย์สหรัฐจำนวน 644,000 คน เปิดเผยในรายงานทางการเงินฉบับหนึ่งว่า การปฏิบัติตามข้อบังคับข้างต้นอาจนำไปสู่ปัญหาด้านแรงงานและการขาดงานในอัตราสูง
และบอกว่าพนักงานบางส่วนอาจเลือกลาออกจากงาน ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจการไปรษณีย์หยุดชะงักอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการบริการ รวมถึงทำให้ปริมาณพัสดุและรายได้ลดลง
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลกลางสหรัฐได้กำหนดให้พนักงานของบริษัทที่มีพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นประจำทุกสัปดาห์ หรือฉีดวัคซีนภายในวันที่ 4 ม.ค. พร้อมกำหนดให้เจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพประจำสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการรักษาพยาบาลของรัฐบาลกลางและรัฐบาลระดับรัฐต้องเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสเช่นกัน
สหรัฐระบุว่า คำสั่งฉีดวัคซีนใหม่จะมีผลบังคับใช้กับพนักงานประมาณ 84 ล้านคนทั่วประเทศ
ส่วนที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ประชาชนหลายพันคนเดินขบวนเพื่อประท้วงต่อต้านคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนโควิด-19 ของทางการ
ในออสเตรเลีย มีประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ครบโดสแล้ว 83% และการฉีดวัคซีนทั่วประเทศเป็นไปด้วยความสมัครใจ แต่แต่ละรัฐมีมาตรการบังคับฉีดวัคซีนในหลากหลายอาชีพ และห้ามคนไม่ฉีดวัคซีนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่น รับประทานอาหารในร้านอาหารและชมคอนเสิร์ต
การเดินขบวนในเมลเบิร์น เป็นการประท้วงต่อต้านคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนที่มีผลบังคับใช้ในวันเสาร์ (13 พ.ย.) โดยบังคับคนงานก่อสร้างในรัฐวิกตอเรียต้องฉีดวัคซีนครบโดสซึ่งการชุมนุมเป็นไปอย่างสันติ ไม่มีรายงานเกี่ยวกับพฤติกรรมอันธพาลหรือมีการจับกุมใดๆ