เปิดแผน “รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ” เยือนไทย และอาเซียน
"แอนโทนี บลิงเคน" รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เตรียมเยือนไทย และบางประเทศในอาเซียน ในช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้ เป็นการส่งสัญญาณถึงความเป็นหุ้นส่วนทางพันธมิตรในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และย้ำความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า ในวันที่ 9 - 17 ธันวาคม 2564 นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ มีแผนการเยือนสหราชอาณาจักร จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยเริ่มจากประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย หลังจากนั้นจะไปยังฮาวาย
นายไพรซ์ ระบุว่า รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐจะเยือนอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในะรหว่างวันที่ 13 -16 ธันวาคม ซึ่งการเดินทางไปยังกรุงจาการ์ตา นายบลิงเคนจะกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับความสำคัญของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐกับอินโดนีเซีย
ส่วนการเยือนมาเลเซีย นายบลิงเคนได้ให้ความสำคัญถึงการพัฒนาความร่วมมือระหว่างสหรัฐกับมาเลเซีย ในเรื่องการจัดการกับความท้าทายร่วมกัน รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น และสร้างความมั่นใจให้กับภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
ในการเยือนประเทศไทย รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จะยืนยันคำมั่นสัญญาของสหรัฐที่มีต่อพันธมิตรสนธิสัญญาสหรัฐ - ไทย การทำงานเพื่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังระบาดใหญ่ และการแก้ไขปัญหาวิกฤติสภาพภูมิอากาศในแต่ละประเทศ รวมถึงวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายในเมียนมา โดยตลอดการเดินทางรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐจะพบปะกับเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้นำภาคประชาสังคม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางธุรกิจ และบุคลากรของสถานทูตสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม การเยือนสหราชอาณาจักรของนายบลิงเคน เพื่อเข้าร่วมการประชุมกลุ่มความร่วมมือ G7 ที่เมืองลิเวอร์พูล ซึ่งได้จะพูดคุยกับรัฐมนตรีประเทศสมาชิก รวมถึงออสเตรเลีย อินเดีย เกาหลีใต้ และสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยจะเป็นโอกาสได้หารือในสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความมั่นคง การสะสมกองกำลังรัสเซียในบริเวณชายแดนยูเครน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานผ่านโครงการ Build Back Better World (B3W) วัคซีนโควิด-19 และความมั่นคงด้านสุขภาพทั่วโลก และการเติบโตในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐจะสรุปผลการเยือนที่เมืองโฮโนลูลู ฮาวาย ในวันที่ 17 ธันวาคม หลังได้พบกับพลเรือเอกจอห์น อากีลีโนผู้บัญชาการกองเรือสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก