ดาวโจนส์ทะยาน 383 จุดหลังเฟดเผยไทม์ไลน์ขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(15ธ.ค.)ปรับตัวขึ้น 383 จุด หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 383.25 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 35,927.43 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 1.63% ปิดที่ 4,709.85 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 2.15% ปิดที่ 15,565.58 จุด
ทั้งนี้ การปรับลดวงเงินคิวอีของเฟดจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้เฟดยุติการทำคิวอีในเดือนมี.ค.2565
นอกจากนี้ ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2565 และจำนวน 2 ครั้งในปี 2566 และอีก 2 ครั้งในปี 2567
การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยและการปรับลดวงเงินคิวอีในวันนี้สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ หลังจากที่เฟดได้ส่งสัญญาณหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมาว่าเฟดจะเร่งการถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่เฟดได้เริ่มใช้ในเดือนมี.ค.2563 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในขณะนั้น หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ขณะเดียวกัน เฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 5.5% ขณะที่ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของปี 2565 สู่ระดับ 4.0% และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในปี 2566 สู่ระดับ 2.2% และคงตัวเลขคาดการณ์ในปี 2567 ที่ระดับ 2.0% ส่วนอัตราการขยายตัวในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 1.8%
เฟดคงตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในปีนี้ที่ระดับ 0.13% ขณะที่ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในปี 2565-2567 สู่ระดับ 0.88%, 1.63% และ 2.13% ตามลำดับ และคงตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับ 2.5%
ขณะเดียวกัน เฟดปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2564-66 สู่ระดับ 5.3%, 2.6% และ 2.3% ตามลำดับ และคงตัวเลขคาดการณ์ในปี 2567 ที่ระดับ 2.1% ขณะที่คงตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 2.0%
นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราว่างงานในปี 2564-2565 สู่ระดับ 4.3% และ 3.5% ตามลำดับ ขณะที่คงตัวเลขคาดการณ์ในปี 2566-2567 ที่ระดับ 3.5% ทั้ง 2 ปี และคงตัวเลขคาดการณ์อัตราว่างงานในระยะยาวที่ระดับ 4.0%