จีนเมินไอเอ็มเอฟเตือนนโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’
จีนไม่สนไอเอ็มเอฟเตือนนโยบายต้านโควิดแข็งกร้าวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โต้ “ประสบความสำเร็จอย่างมีนัยสำคัญ” เป็นตัวขับเคลื่อนใหญ่ให้โลกเติบโต
ตามที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดแนวโน้มการเติบโตของจีนและส่วนอื่นๆ ของโลก เมื่อวันอังคาร (15 ม.ค.) โดยให้เหตุผลว่า นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลปักกิ่ง ที่ใช้วิธีล็อกดาวน์ทั้งเมืองแม้พบผู้ติดเชื้อเพียงไม่กี่ราย ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกชะลอตัว
นางสาวจิตา โกปินาถ รองกรรมการผู้จัดการอันดับหนึ่ง กล่าวกับเอเอฟพีว่า อาจถึงเวลาที่ปักกิ่งต้องปรับเปลี่ยนท่าทีเพื่อบรรเทาแรงกดดันต่อซัพพลายเชนโลกและการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่นายเจ้า หลีเจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า “สถานะเครื่องยนต์สำคัญขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกของจีนไม่เคยเปลี่ยนแปลง” ปักกิ่งประสบความสำเร็จอย่างมีนัยสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ทั้งยังส่งเสริมให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวด้วย
“จีนใช้มาตรการควบคุมและป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และเป็นวิทยาศาสตร์มาโดยตลอด” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าว
ทั้งนี้ รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ปรับปรุงประจำไตรมาส ไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนปีนี้ลง 0.8% มาอยู่ที่ 4.8% ส่วนเศรษฐกิจโลกลดลง 0.5% จากคาดการณ์เดือน ต.ค.
แม้ว่าเศรษฐกิจแดนมังกรจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากโควิด-19 ระบาด แต่การเติบโตช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2564 ชะลอลงเหลือ 4% เศรษฐกิจสั่นสะเทือนหลายระลอกจนถึงสิ้นปี
บรรดานักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า เศรษฐกิจกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโควิดกลับมาระบาดใหม่และการออกข้อจำกัดคุมโควิด
วันนี้จีนรายงานการติดโควิดในประเทศ 24 คน กว่าครึ่งอยู่ในกรุงปักกิ่ง แม้จำนวนน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่ข้อจำกัดหลายข้อส่งผลกระทบต่อเมืองท่า ศูนย์กลางการผลิต และศูนย์กลางการเงิน ขัดขวางห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่การผลิตในประเทศ