ดาวโจนส์ปิดแดนลบกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนีดาวโจนส์ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดวันพฤหัสบดี(27ม.ค.)ในแดนลบท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นดออกเบี้ยของเฟด แม้ข้อมูลจะเผยให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐในปีที่แล้วขยายตัวร้อนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 7.31 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 34,160.78 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 23.42 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 4,326.51 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 189.34 จุด หรือ 1.40% ปิดที่ 13,352.78 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 0.38% เมื่อวันพุธ(26ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในยูเครน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4/64 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 5.5%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการที่ภาคธุรกิจเพิ่มเติมสต็อกสินค้าคงคลัง
ก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจสหรัฐเติบโต 6.3% ในไตรมาส 1 และ 6.7% ในไตรมาส 2 ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ 2.3% ในไตรมาส 3 เนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบในภาคการผลิต ซึ่งกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ยอดขายรถยนต์ และตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง
เมื่อพิจารณาทั้งปี 2564 เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 5.7% ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2527 หลังจากที่หดตัว 3.4% ในปี 2563 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2489 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังได้แรงหนุนจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 30,000 ราย สู่ระดับ 260,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 270,000 ราย