ดาวโจนส์พุ่ง 305 จุดหลังปธ.เฟดแอตแลนตาคาดเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งปีนี้

ดาวโจนส์พุ่ง 305 จุดหลังปธ.เฟดแอตแลนตาคาดเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งปีนี้

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(9ก.พ.)พุ่งขึ้น 305 จุด หลังจากประธานเฟดสาขาแอตแลนตา บอกว่าแม้บางทีเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าใกล้อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง แต่ยังคงคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 305.28 จุด หรือ 0.86% ปิดที่ 35,786.06 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 65.64 จุด หรือ 1.45% ปิดที่ 4,587.18 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 295.92 จุด หรือ 2.08% ปิดที่ 14,490.37 จุด

นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาเห็นว่าการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.25% ถือว่ามีความเหมาะสม แต่เขาก็คาดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง

"เราคงต้องดูว่าเศรษฐกิจจะมีการตอบสนองอย่างไรหลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเดือนมี.ค." นายบอสติกกล่าว
นอกจากนี้ นายบอสนิก ยังกล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อในเศรษฐกิจสหรัฐอาจกำลังเริ่มชะลอตัวลง

"ผมมีความหวังว่าเราจะเริ่มเห็นเงินเฟ้อปรับตัวลง โดยมีหลักฐานบางอย่างบ่งชี้เรื่องนี้" เขากล่าว

ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 1% โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
การซื้อขายในตลาดุห้นวอลล์สตรีทได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการ และการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีในวันนี้ แม้ว่ายังคงยืนเหนือระดับ 1.9%

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

บริษัทจดทะเบียนเกือบ 60% ในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 4/64 แล้ว โดย 77% ในจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ 75% มีรายได้สูงกว่าคาด

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 มี.ค.