'ฮ่องกง'ทุ่มสกัดโควิด จีนเร่งส่งทีมงานช่วย

'ฮ่องกง'ทุ่มสกัดโควิด จีนเร่งส่งทีมงานช่วย

ฮ่องกงกำลังทุ่มเทสรรพกำลังสกัดการติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้น ทั้งเพิ่มศูนย์แยกตัวในชุมชนและรักษาพยาบาลโดยได้แรงหนุนจากทีมงานจีนแผ่นดินใหญ่

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ตามที่ฮ่องกงรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 6,063 คน เมื่อวันเสาร์ (19 ก.พ.) รัฐบาลจึงเปลี่ยนท่าเทียบเรือสำราญไคตั๊กเป็นศูนย์ดูแลผู้ป่วยโควิดขนาด 1,000 เตียงเพื่อลดภาระโรงพยาบาลของรัฐ

แคร์รี หล่ำ หัวหน้าคณะผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง เข้าร่วมพิธีเปิดการก่อสร้างที่อ่าวเพนนีใกล้กับฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ กล่าวว่า โครงการริเริ่มนี้จะเพิ่มขีดความสามารถต้านโรคระบาดของฮ่องกงได้ภายในระยะเวลาสั้นมาก 

ทั้งนี้ เมื่อวันพุธ (16 ก.พ.) ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ต้ากงเป่าที่รัฐบาลจีนสนับสุนรายงานข่าวประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน กล่าวว่า ตอนนี้การต่อสู้โควิดต้องเป็นภารกิจสำคัญที่สุดของผู้นำฮ่องกง ความเห็นนี้ถูกมองว่าเป็นการตำหนิการจัดการโควิดของทางการฮ่องกง

ด้านจอห์น ลี ข้าราชการพลเรือนระดับสูงสุดของฮ่องกงแสดงความเห็นผ่านบล็อกว่า รัฐบาลฮ่องกงกำลังต่อสู้ทุกวิถีทางตามคำแนะนำที่สำคัญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อรักษาเสถียรภาพและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดในฐานะภาระหน้าที่อันดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งกล่าวว่า นโยบาย “โควิดเป็นศูนย์อย่างมีพลวัต” ของศูนย์กลางการเงินโลกแห่งนี้ ตามแบบนโยบายที่ใช้ในจีนทำให้ฮ่องกงต้องเผชิญความไม่แน่นอนและความทุกข์ยากในปัจจุบัน เมื่อโรงพยาบาลของรัฐหลายแห่งที่ตึงตัวมากแล้วต้องพยายามรับมือกับคนไข้ที่หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย รวมถึงผู้สูงอายุที่หลายคนไม่ยอมฉีดวัคซีน

โซเฟีย ชาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขฮ่องกงกล่าวว่า รัฐบาลกำลังพิจารณกระชับมาตรการเว้นระยะให้เข้มงวดยิ่งขึ้น 

นับถึงขณะนี้ฮ่องกงยังไม่ยอมล็อกดาวน์ทั้งเมือง แต่ใช้วิธีบังคับประชาชน 7.4 ล้านคนตรวจโควิด โดยจีนส่งนักระบาดวิทยา ผู้เชี่ยวชาญดูแลสุขภาพขั้นวิกฤติ และเจ้าหน้าที่ตรวจโควิดว่า 100 คนมายังฮ่องกง พร้อมรถตรวจเคลื่อนที่ ทางการฮ่องกงกล่าวว่า การระบาดอาจใช้เวลานานถึงสามเดือนกว่าจะคงที่ การเปลี่ยนอาคารของรรัฐ โรงแรม และศูนย์กีฬาในร่มเป็นศูนย์รักษาจะช่วยให้มีห้องสำหรับกักตัวผู้ติดโควิดแบบอาการน้อยหรือไม่แสดงอาการได้อีก 20,000 ห้อง

ส่วนการเลือกตั้งผู้บริหารฮ่องกงคนต่อไปที่จะมีขึ้นในเดือน มี.ค.ถูกเลื่อนไปเป็นเดือน พ.ค. ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับอนาคตของฮ่องกงในช่วงที่ปักกิ่งออกกฎของตนเองมาใช้กับฮ่องกง