ดาวโจนส์พลิกร่วง 96 จุดท่ามกลางการซื้อขายผันผวน
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(3มี.ค.)พลิกร่วงลง 96 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ขานรับราคาน้ำมันและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวมีเสถียรภาพ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 96.69 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 33,794.66 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ลดลง 23.05 จุด หรือ 0.53% ปิดที่ 4,363.49 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 214.07 จุด หรือ 1.56% ปิดที่ 13,537.94 จุด
นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพรัสเซียและยูเครน ซึ่งย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ขณะที่คณะผู้แทนของรัสเซียและยูเครนจะจัดการเจรจาสันติภาพรอบ 2 ในวันนี้ หลังจากที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจารอบแรก
ราคาน้ำมันเริ่มชะลอตัวลงในวันนี้ หลังมีความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งอาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก
ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในยูเครน ซึ่งสร้างความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นทั่วโลก
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทถูกกดดัน หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 56.5 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 61.0 หลังจากแตะระดับ 59.9 ในเดือนม.ค.
ดัชนีภาคบริการของสหรัฐได้รับผลกระทบจากภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน เงินเฟ้อ และการขาดแคลนแรงงาน
ราคาหุ้นดีดตัวขึ้นในช่วงแรก โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาด รวมทั้งการที่ซิตี้กรุ๊ปแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นสหรัฐ เนื่องจากสถิติบ่งชี้ว่าราคาหุ้นมักดีดตัวขึ้น หลังจากร่วงลงจากเหตุการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์
ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ โดยส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนได้ปรับลดคาดการณ์จำนวนครั้งที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เหลือเพียง 5 ครั้งๆ ละ 0.25% จากเดิม 7 ครั้ง โดยได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ในยูเครน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 215,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวเท่ากับตัวเลขเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ